|
'ปั้น'ลั่นขอเป็นแบงก์ไทยสู้ต่างชาติ
ผู้จัดการรายวัน(26 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
“บัณฑูร ล่ำซำ” ลั่นขอเป็นแบงก์ของคนไทย บริหารแบบไทยจะนำธุรกิจก้าวไกลกว่าต่างชาติ มั่นใจบุคคลากรมีความรู้และความสามารถเทียบฝรั่ง ย้ำแบงก์ไม่จำเป็นเพิ่มทุน รักษาสัดส่วนผู้ถือหุ้นเป็นคนไทยมากที่สุด พร้อมประกาศเครือธนาคารกสิกรไทยผนึกกำลังรุกบริการจัด 4 ผลิตภัณฑ์เจาะลูกค้ารายกลุ่ม
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปี 2549 การแข่งขันของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังคงรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งมองว่าธนาคารพาณิชย์ไทยที่จะแข็งขันกับต่างชาติได้ โดยเชื่อมั่นว่าบุคลากรที่เป็นคนไทย มีความรู้ ความสามารถที่ใกล้เคียงหรือมากกว่าต่างชาติ ธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีผู้บริหารเป็นคนไทยมีการดำเนินธุรกิจหรือบริหารอย่างมืออาชีพ มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าธนาคารอาจจะต้องเพิ่มทุนนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งสาเหตุที่หุ้นของธนาคารเพิ่มขึ้นมากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น คงเพราะแรงเทขายทำไรของนักลงทุนมากกว่า ทั้งนี้ ธนาคารมีความตั้งใจที่จะให้ธุรกิจในเครือธนาคารเป็นธุรกิจของคนไทยโดยมีผู้ถือหุ้น และฝ่ายจัดการคณะกรรมการส่วนใหญ่เป็นคนไทย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้เร่งปรับปรุงตัวเองเพื่อรองรับกับการแข่งขันที่จะมีมากขึ้น เพราะในไม่ช้าไทยคงต้องมีการเปิดเสรีให้ต่างชาติเข้ามาแข่งขัน
นายบัณฑูรเปิดเผยด้วยว่า จากการที่ได้มีการรวมบริษัทในเครือเพื่อร่วมกันเสนอบริการด้านการเงินที่หลากหลายแก่ลูกค้า เครือธนาคารกสิกรไทย ธนาคารจึงได้จัดรูปแบบใหม่ในการเสนอผลิตภัณฑ์การเงินต่างๆ เป็นลักษณะกลุ่มผลิตภัณฑ์ 4 กลุ่มบนแนวคิดปรัชญาธุรกิจที่ถือเอามุมมองของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้ความสะดวกอย่างสูงสุดในการที่ลูกค้ารายหนึ่งจะแสวงหาคำตอบทางการเงินที่สอดคล้องกับความจำเป็นและความต้องการของตน
ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 กลุ่ม ได้แก่ ฝากถอนโอนและปฏิบัติการ ออมเงินและลงทุน ระดมทุนและกู้ยืมและป้องกันความเสี่ยงและสารสนเทศ ซึ่งการจัดระบบกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 กลุ่มจะใช้กับกลุ่มลูกค้าทั้ง 7 กลุ่ม ของเครือธนาคารกสิกรไทยภายใต้สัญลักษณ์ บริการการเงินคุณภาพ K Excellence โดยลูกค้า 7 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้าสหบรรษัทธนกิจเป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่มียอดขายมากกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป ลูกค้าบรรษัทธนกิจเป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่มียอดขายมากกว่า 400 ล้านบาท ถึง 5,000 ล้านบาทต่อปีลูกค้าผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก เป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ที่มียอดขาย 10-400 ล้านบาทต่อปี ลูกค้าผู้ประกอบการขนาดย่อมเป็นกลุ่มธุรกิจที่มียอดขายไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี หรือวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 3 ล้านบาท ลูกค้าบุคคลกลุ่มพิเศษเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ 100,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป หรือมีเงินฝาก เงินลงทุนในหน่วยลงทุนมากกว่า 5 ล้านบาท ลูกค้าบุคคลกลุ่มกลาง เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ 15,000-100,000 บาทต่อเดือนและลูกค้าบุคคลทั่วไปเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน
**จีบกบข.-ประกันสังคม
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด(มหาชน)เปิดเผยถึงแผนงานในปีนี้ว่าบริษัทพยายามที่จะหาลูกค้าที่เป็นนักลงทุนสถาบันเพื่อให้ส่งคำสั่งซื้อขายมายังบริษัทซึ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม2548ที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปนำเสนอข้อมูลความพร้อมต่างๆ ให้กับนักลงทุนสถาบันในประเทศเช่นกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.)และกองทุนประกันสังคมโดยชี้ให้เห็นว่างานวิจัยของบริษัทสามารถครอบคลุมหลักทรัพย์ได้แล้วถึง 75หลักทรัพย์ และยังมีศูนย์วิจัยกสิกรที่คอยสนับสนุนซึ่งคาดว่าจะรู้ผลว่า กบข.และกองทุนประกันสังคมจะนำรายชื่อของบริษัทเข้าไปอยู่ในบัญชีรายชื่อบริษัทหลักทรัพย์ที่จะส่งคำสั่งซื้อขายผ่านหรือไม่ภายในไตรมาส 2 ปีนี้ ในส่วนของนักลงทุนสถาบันประเภทบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)นั้นบริษัทก็ได้มีการไปเสนอข้อมูลเช่นกัน เช่นบลจ.กสิกรไทย ซึ่งได้ไปแนะนำข้อมูลแล้วและปรากฏว่าบลจ.กสิกรไทยก็ได้ส่งคำสั่งซื้อขายมายังบริษัทบ้างแล้ว
ทั้งนี้หลังจากหานักลงทุนสถาบันภายในประเทศส่งคำสั่งซื้อขายให้แล้วแผนงานต่อไปก็จะติดต่อกับนักลงทุนต่างประเทศเพื่อที่จะให้มาส่งคำสั่งซื้อขายให้อย่างไรก็ตามการติดต่อกับนักลงทุนต่างประเทศนั้นบริษัทจะต้องมีความพร้อมในด้านต่างๆโดยจะประเมินจากการให้บริการกับนักลงทุนสถาบันในประเทศว่าขาดตกบกพร่องในส่วนใดบ้างหรือไม่เพื่อที่จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการหานักลงทุนต่างประเทศภายในกลางปีนี้ถึงปลายปีนี้
อย่างไรก็ตามสัดส่วนลูกค้าของบริษัทในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่กว่า 98% ยังเป็นนักลงทุนรายย่อยซึ่งขณะนี้มีจำนวนบัญชีกว่า 2 พันบัญชีซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีมาร์เกตแชร์ประมาณ1% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปี 2548ที่อยู่ในระดับ 0.45% หรือเพิ่มขึ้นประมาณเท่าตัวและในปีนี้จะเปิดสาขาบริการค้าหลักทรัพย์ประมาณ 2-3 แห่ง
นายรพีกล่าวว่า สำหรับธุรกิจด้านวาณิชธนกิจนั้นจะประสานงานกับฝ่ายวาณิชธนกิจของธนาคารกสิกรไทยเพื่อที่จะพิจารณาร่วมกันว่ามีธุรกิจใดที่น่าสนใจและเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะนำเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งปรากฏว่ามีจำนวน 2-3 ธุรกิจหลังจากนั้นก็จะให้ทางฝ่ายที่คติดต่อประสานงานลูกค้าซึ่งเป็นฝ่ายของธนาคารกสิกรไทยเข้ามาช่วยแนะนำให้รู้จักกับบริษัทที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว
ปัจจุบันนี้บล.กสิกรไทยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินจากบริษัทที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วจำนวน 4 บริษัทและคาดว่าภายในปีนี้จะสามารถนำเข้าระดมทุนได้จำนวน 2บริษัทซึ่งบริษัทดังกล่าวจะเป็นลูกค้าที่ธนาคารกสิกรไทยเป็นปล่อยเงินกู้ร่วมและได้ตั้งเป้าว่าจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก 5บริษัทภายในปีนี้
"จุดเด่นของบล.กสิกรไทยคือการเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่อยู่ในเครือธนาคารกสิกรไทยซึ่งมีแบรนด์แนมเป็นที่ยอมรับและเป็นที่ไว้ใจรวมถึงสามารถให้บริการทางการเงินได้อย่างครบวงจร"นายรพีกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|