ทองขึ้นราคาแต่คนอินเดียยังกระหน่ำซื้อ


นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ราคาทองคำที่พุ่งทะยานไม่อาจเปลี่ยนแปลงความหลงใหลที่คนอินเดียมีต่อทองคำได้

หลักฐานหนึ่งที่แสดงว่าคนอินเดียรวยขึ้นจริงๆ ด้วยอานิสงส์จากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว คือการที่วัดใหญ่ๆ ที่มีชื่อเสียงทั่วอินเดียต่างพากันหุ้มเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ด้วยทองคำแท้แทนเงิน ส่วนวัดเล็กๆ ก็เปลี่ยนเอาเงินมาหุ้มเทวรูปแทนทองแดง

นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความลุ่มหลงที่คนอินเดียมีต่อทองคำ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มนุษย์เชื่อถือมากที่สุด

อินเดียซื้อทองคำอย่างน้อยหนึ่งในห้าของปริมาณทองคำ ที่ค้ากันทั่วโลกในแต่ละปี ซึ่งทำให้อินเดียเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า มีทองคำจำนวนมากถึง 15,000-20,000 ตันทั้งในรูปทองแท่งและทองรูปพรรณ ที่ถูกเก็บล็อกไว้อย่างดีในตู้นิรภัยของธนาคารอินเดียและตู้เซฟส่วนตัวของชาวอินเดีย

World Gold Council ประเมินว่า การซื้อทองคำในอินเดียเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 33 เป็น 850 ตัน เมื่อปีที่แล้ว (2005) ทั้งๆ ที่ราคาทองคำกำลังพุ่งสูงที่สุดในรอบ 24 ปี โดยแตะระดับ 541.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภัยก่อการร้าย สงครามในอิรัก และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

เห็นได้ชัดว่า ความปรารถนาในทองคำของคนอินเดียหาได้ลดน้อยถอยลงไม่ แม้กระทั่งในขณะที่ทองราคาแพงกระฉูดอย่างในขณะนี้ คำถามก็คือ เหตุใดคนอินเดียจึงยังคงนิยมซื้อทองกันอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย

ความจริงแล้ว การคลั่งซื้อทองของอินเดียชวนให้ระลึกถึงอินเดียยุคเก่าที่เคยล้าหลังในเรื่องการลงทุน ซึ่งเป็นยุคที่สิทธิของนักลงทุนไม่ได้รับการปกป้อง และระบบการเงินของอินเดียอ่อนแอ คนจึงไม่ศรัทธาในธนาคารและตลาดหุ้น และหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องได้มากกว่า โดยเฉพาะทองคำ

แต่ขณะนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย ทำให้ชาวอินเดียมีทางเลือกในการลงทุนมากมาย และมีเครื่องมือทางการเงินที่ทันสมัย และปลอดภัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวม หุ้น พันธบัตร หรือแม้แต่งานศิลปะแบบนามธรรม

และอันที่จริง คนอินเดียที่ร่ำรวยต่างก็ได้กระจายการลงทุนอย่างหลากหลายโดยไม่เน้นลงทุนในทองคำอย่างเดียวเหมือนแต่ก่อน K. Shivram รองประธาน World Gold Council ชี้ว่า ในหมู่คนอินเดียชั้นสูงที่อยู่ระดับบนสุดของสังคม การซื้อทองคำได้เริ่มลดลง

แต่ที่การซื้อทองคำยังคงเพิ่มขึ้นในอินเดียนั้น ส่วนใหญ่มาจากชนชั้นกลางและคนจน ซึ่งก็เป็นหลักฐานว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจของอินเดียได้เริ่มลงไปถึงระดับรากหญ้าและชนชั้นแรงงานของสังคมอินเดียแล้ว

Padma Kondababu สาวใช้วัย 40 ปีในเมือง Madras มีรายได้ 85 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งนับว่าเป็นรายได้ที่ดีตามมาตรฐานของอินเดีย เงินทั้งหมดที่เธอเก็บออมได้ หมดไปกับการซื้อทอง ซึ่งบางครั้งถึงกับยอมซื้อเงินผ่อนงวดละ 12 ดอลลาร์ Kondababu บอกว่า มันเป็นความภูมิใจของชนชั้นแรงงานอย่างเธอที่สามารถซื้อทองได้ แม้ว่าทองจะขึ้นราคาก็ตาม

ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญแต่อย่างใดที่พบว่า มีการซื้อทองคำกันมากที่สุดในภาคใต้ของอินเดีย ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดของประเทศ และมีการกระจายรายได้ที่ทั่วถึงมากที่สุดโดยลงไปถึงระดับหมู่บ้านและเมืองเล็กๆ

งานแต่งงานของชาวบ้านในอินเดียขาดทองคำไม่ได้ เจ้าสาวทุกคนถูกคาดหวังว่าจะต้องสวมสร้อย กำไล และต่างหูทองคำ Ambika Menon นักสังคมสงเคราะห์ในรัฐ Kerala ในภาคใต้ของอินเดียชี้ว่า ทองคำคือเครื่องยกระดับฐานะของคนอินเดีย เงินสามารถทำลายระบบชนชั้นวรรณะเก่าๆ และความแตกต่างระหว่างชนชั้นได้

"การทำให้ลูกสาวของคุณมีเครื่องประดับทองคำสวมใส่ในวันแต่งงานของเธอ เป็นวิธีประกาศว่า คุณมีที่ยืนในสังคม และเป็นคนสำคัญ" Menon อธิบาย

อย่างไรก็ตาม หลายครอบครัวมีเงินไม่พอที่จะซื้อทอง และต้องยอมเป็นหนี้เป็นสิน เพื่อซื้อทองให้ลูกสาวได้ใส่ในวันแต่งงาน Kondababu บอกว่า บางครอบครัวถึงกับหมดเนื้อหมดตัวเพราะทองก็มี

ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ความลุ่มหลงในทองคำของคนอินเดียเป็นผลร้ายต่อเศรษฐกิจ เพราะหากนำเงินที่ใช้ซื้อทองไปลงทุนในธนาคารหรือหุ้น ก็จะทำให้ GDP ของอินเดียเพิ่มสูงขึ้นยิ่งกว่านี้อีกมาก แทนที่จะนำไปเงินซื้อทองเพียงเพื่อเอามาเก็บเอาไว้เฉยๆ โดยไม่เกิดดอกผลงอกเงย

แต่คนอินเดียยังคงเห็นว่า ทองคำเป็นแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยในโลกที่ไม่แน่นอน ซึ่งธนาคารยังคงล้มและเลิกกิจการอยู่บ่อยๆ โดยคนที่ได้รับผลกระทบที่เจ็บปวดก็คือคนธรรมดา

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าราคาทองคำจะแพงขึ้นเรื่อยๆ แต่คนอินเดียก็ยังคงซื้อทองเพิ่มขึ้น ราคาทองที่แพงขึ้นอาจทำให้พวกเขาหายหน้าไปจากร้านทองเพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่ก็ต้องหวนกลับมา โดยเฉพาะในฤดูกาลแต่งงานที่ทุกคนจะต้องซื้อทอง

ถามว่า คนอินเดียจะหยุดซื้อทองกันหรือไม่ หากพวกเขาเริ่มตระหนักว่า หากนำเงินไปลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมแทน จะได้ดอกผลที่ดีกว่า Anantha Padmanaban หุ้นส่วนคนหนึ่งของร้านทอง NAC ซึ่งเพิ่งรับทำมงกุฎทองคำแท้หนัก 7 กิโลกรัมราคา 700,000 ดอลลาร์ สำหรับประดับพระเศียรเทวนารี Padmavathi Devi หัวเราะ ก่อนที่จะตอบว่า ก็อาจเป็นได้ แต่คงต้องใช้เวลาเป็นร้อยปีทีเดียว

แปลและเรียบเรียงจาก
Time 16 มกราคม 2549
โดย เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.