แอมเวย์ชี้ขายตรงยังบูมอีก5ปี จับตารัสเซีย-ไต้หวันแซงไทย


ผู้จัดการรายวัน(24 มกราคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

บริษัมแม่แอมเวย์เผยทิศทางขายตรงทั่วโลกยังสดใสและคาดว่าจะโตต่อเนื่องอีก 5 ปี ชี้เทรนด์ตลาดยังเกาะเรื่องสุขภาพ และความงาม เผยแอมเวย์เน้นพัฒนาและคิดค้น สินค้าสนองกระแสยอดฮิต จับตารัสเซียน่ากลัว คาด 5 ปีแซงไทยติด 1 ใน 5 ในแง่ยอดขายของ แอมเวย์ ส่วนตลาดไทยปีนี้อัดงบตลาด 80 ล้านบาท เน้นทำตลาด 2 แบรนด์หลักอาร์ทิสทรีและนิวทริไลต์ เกาะเทรนด์สุขภาพเตรียมส่งผลิตภัณท์ เสริมอาหารบุกตลาดอีกเพียบ ล่าสุดทุ่มงบ 40 ล้าน จัดงานสินค้าแอมเวย์และงานประชุมระดับชาติ 2549 หวังยกระดับขายตรงไทย ตั้งเป้าพยายามรักษายอดรายได้เท่าเดิม หรือประมาณ 8,900 ล้านบาท

นายสตีฟ แวน แอนเดล ประธานกรรมการ บริษัทอัลติคอร์ อิงค์ บริษัทแม่ของแอมเวย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มของธุรกิจขายตรงทั่วโลกมอง ว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องไปอีก 5 ปี โดย เทรนด์ของตลาดหรือผู้บริโภคส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพเป็นหลัก ทั้งในกลุ่มของเบบี้ บูมเมอร์ที่จะห่วงเรื่องสุขภาพหรือกลุ่มคนอายุ 20 ปีขึ้นไปที่จะห่วงเรื่องความงาม ดังนั้น การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯจึงพยายามสนองตอบต่อเทรนด์ทั้งในเรื่องของสุขภาพและความงาม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯก็มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองกลุ่มดังกล่าว อาทิ ผลิตภัณฑ์นิวทริไลต์หรือเครื่องดื่มที่ให้พลังงาน เป็นต้น โดยบริษัทฯมีแผน ขยายไลน์สินค้าหรือค้นคว้าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง กับสุขภาพและความงามอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนในด้านอื่นๆ เช่น การเปิดชอปเพิ่ม, การเพิ่ม นักธุรกิจแอมเวย์และสินค้าใหม่ เป็นต้น

ทั้งนี้ ธุรกิจขายตรงทั่วโลกในปีที่ผ่านมาพบว่ามีมูลค่ากว่า 100 พันล้านเหรียญสหรัฐและมีอัตราการเติบโตสูง โดยในตลาดเอเชียมีอัตราการโตมากสุด ในส่วนของแอมเวย์ในด้านยอดขาย 5 อันดับแรกจาก 80 ประเทศทั่วโลกพบว่ามีประเทศจากเอเชีย 4 ประเทศติดอันดับ ได้แก่ ประเทศจีนมียอดขายอันดับ 1 มีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดในจีนก่อนการเข้าสู่ WTO นั้น ได้มีการปรับเปลี่ยนกฎหมายธุรกิจขายตรงมากว่า 5-6 ครั้งแล้วในช่วง ที่ผ่านมา ซึ่งทางแอมเวย์ก็ได้มีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อสอดรับกับกฎหมายอยู่ และเตรียมยื่นภายใน 2-3 เดือนจากนี้ ส่วนอันดับ 2 คือ สหรัฐอเมริกา อันดับ 3 ญี่ปุ่น อันดับ 4 เกาหลี และที่ 5 คือ ไทย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยที่ผ่านมาบริษัทแม่ของแอม์เวย์ให้ความสำคัญกับไทยในการให้ไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องครัว "ไอ-คุ๊ก" เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังเครือ ข่ายแอมเวย์ทั่วโลก ซึ่งยอดขายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีกว่า 3 แสนชุดหรือมีมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ไทยยังส่งออกสินค้าอื่นๆ เช่น ข้าว เครื่องหนัง เสื้อผ้า ออกไป จำหน่ายผ่านแค็ตตาล็อกของแอมเวย์ในสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าการส่งออกราว 200 ล้านบาทต่อปี ขณะที่แผนการลงทุนสิ่งอื่นเพิ่มเติมใน ไทย นั้นทางบริษัทแม่ยังไม่ได้ชี้ชัดลงไป แต่จะพยายาม มองหาโอกาสจากหลายแหล่งหรือหลายประเทศ เพื่อสนองตอบความต้องการของผู้บริโภค และ ดูความเหมาะสมทางด้านราคาเป็นหลัก

ทั้งนี้ ในส่วนตลาดใหม่ที่แอมเวย์เพิ่งเข้าไปเปิดเมื่อ 4-5 เดือนที่ผ่านมา คือ รัสเซียซึ่งกำลังเป็น ประเทศที่น่าจับตามองและคาดว่าจะติดอันดับ ในด้านยอดรายได้ 1 ใน 4 ของแอมเวย์ภายใน 4-5 ปีนี้ เนื่องจากคนรัสเซียมีความต้องการที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจสูงที่สุดในโลกและมีศักยภาพทางด้านคนและกำลังซื้อ เป็นต้น โดยรัสเซียได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของทุกประเทศ รวมถึงไทยด้วยที่อาจจะโดนแซงได้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้านี้ หรือประเทศไต้หวันที่อยู่ในอันดับ 6 ก็อาจจะแซงไทยได้ เนื่อง จากมีการทำตลาดและมีกำลังซื้อดีกว่าคนไทย ส่วนตลาดอื่นๆที่แอมเวย์จับตามองและสนใจที่จะเข้าไปเปิดตลาด เช่น เวียดนาม เนื่องจากทางรัฐบาลพยายามเปิดประเทศเวียดนามมากขึ้นและคนเวียดนามเองก็อยากเป็นเจ้าธุรกิจของตัวเอง

เกาะเทรนด์สุขภาพนำเข้านิวทริไลต์อีกเพียบ

นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของแอมเวย์ในประเทศไทยยังคงเน้นที่การทำตลาดให้กับ 2 แบรนด์หลักทั้งเครื่อง สำอางอาร์ทิสทรีและผลิตภัณฑ์นิวทริไลต์ ภายใต้งบทางการตลาด 80 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีแผน เปิดตัวสินค้าใหม่แบ่งเป็นของนิวทริไลต์ อีก 4-5 รายการต่อปี อาทิ ช่วงกลางปีเตรียมนำเข้าผลิตภัณฑ์ดับเบิล เอ็กซ์ ซึ่งเป็นวิตามินรวม เป็นต้น

ล่าสุดบริษัทฯได้ใช้งบประมาณกว่า 40 ล้าน บาทในการจัดงานแสดงสินค้าแอมเวย์และงานประชุมระดับชาติ 2549 ที่เมืองทองธานี เป็นเวลา 2 วัน คือ วันที่ 21-22 ม.ค.49 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการให้นักธุรกิจและประชาชนทั่วไปได้เข้า ชมงานและรู้จักแอมเวย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งบรรยากาศ ภายในงานจะมีนิทรรศการเผยแพร่ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับธุรกิจขายตรงที่ถูกต้อง ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจของแอมเวย์ รวมทั้งยังมีบริการและกิจกรรม ต่างๆให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วม เช่น ตรวจวัดคลื่น ไฟฟ้าหัวใจด้วยเครื่อง Handheld ect, การจำลองผลิตภัณฑ์อาร์ทิสทรีและนิวทริไลต์ และบริการสปา คาเฟ่ เป็นต้น นอกจากนี้ ในงานยังเปิด โอกาสให้องค์กรการกุศลต่างๆ ได้ร่วมเผยแพร่ ข้อมูลและจำหน่ายของที่ระลึกอีกด้วย ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 60,000 คน

ปัจจุบัน แอมเวย์มีนักธุรกิจอิสระที่ดำเนินธุรกิจอย่างจริงจังและต่ออายุต่อเนื่องทุกปีประมาณ 2.8 แสนรหัส และสมาชิกที่สมัครเพื่อใช้สินค้าอีก 4 แสนราย ในปีนี้บริษัทฯพยายามเน้นรักษาฐานสมาชิกเก่าและนักขายแอมเวย์ที่มีอยู่ให้ดีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงปีที่ผ่านมาและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯพยายามมองหาโอกาส ที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่จากหลายช่องทางด้วย เช่นกัน เช่น ในงานแสดงสินค้าแอมเวย์และงานประชุมระดับชาติ 2549 หรือการขยายงานแสดง สินค้าไปยังภูมิภาคอีก 7 แห่งทั่วประเทศ ฯลฯ

"ธุรกิจขายตรงหากเทียบกับธุรกิจค้าปลีกแล้วมีพบว่ามูลค่าคิดเป็น 2% ของค้าปลีกโดยรวม ซึ่งเราพยายามต่อสู้เพื่อให้คนได้รู้จักธุรกิจขายตรงมากขึ้นอย่างเช่นงานแสดงสินค้าแอมเวย์ฯนี้ที่เราพยายามยกระดับขายตรงและมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงมากขึ้น รวมถึงยังมีการทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์หรือเป็นสปอนเซอร์ในงานกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งตรงนี้จะทำให้สามารถ เแข่งขันกับธุรกิจค้าปลีกได้" นายปรีชากล่าว

สำหรับยอดรายได้ในปีนี้ บริษัทแอมเวย์ฯตั้งเป้าจะรักษาจำนวนยอดขาย 8,900 ล้านบาทใน ปีที่ผ่านมาไว้ให้ได้ก่อน เนื่องจากตลาดมีปัจจัยลบ หลายประการ เช่น ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ราคาน้ำมัน เป็นต้น ทั้งนี้ในส่วนยอดรายได้หลักของบริษัทฯจะมาจากเครื่องสำอางอาร์ทิสทรีและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลต์ที่มียอดขายรวมกัน 5,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนยอดขายของ 2 กลุ่มปัจจุบันใกล้เคียงกันแล้ว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.