|
เออาร์ทีเร่งหาพันธมิตรหนีตาย คานโมเดิร์นเทรด-ฝัน3ปีพุ่ง2พันล้านบ.
ผู้จัดการรายวัน(24 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"เออาร์ที" ชูหมัดเด็ดควงพันธมิตร สร้างเน็ตเวิร์กระบบการจัดการ ดันสินค้าโอทอป สร้างอำนาจร้านค้าส่ง-ปลีกไทยคานอำนาจโมเดิร์นเทรดข้ามชาติ ตั้งเป้า 3 ปีสมาชิกร้านค้าพุ่ง 3 หมื่น กวาดรายได้ 2,000 ล้านบาท ส่วนปี 49 ตั้งเป้ารายได้แตะ 1,052 ล้านบาท สมาชิก 1.8 หมื่นร้านค้า
นางเพ็ญนภา ธนสารศิลป์ ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท รวมค้าปลีกเข้มแข็ง จำกัด หรือ เออาร์ที เปิดเผยว่า แผนระยะยาวภายใน 3 ปีจากนี้ เออาร์ทีได้ตั้งเป้าขยายจำนวนสมาชิกเพิ่ม 30,000 ร้านค้าทั่วประเทศ หรือมีรายได้คิดเป็น 2,000 ล้านบาท จากเมื่อสิ้นปี 2548 เออาร์ทีมีอัตราการเติบโต 1,247% ซึ่งเป็นการก้าวกระโดดเป็นครั้งแรก โดยกวาดรายได้ถึง 660 ล้านบาท มีจำนวนสมาชิกทั้งหมด 15,000 ร้านค้า เมื่อเทียบกับปี รายได้ 2547 หลังจากเปิดดำเนินการได้ครึ่งปีมีรายได้ 53 ล้านบาท
"ในปี 2548 ถือว่าเป็นปีแรกที่เออาร์ทีมีภาพที่ชัดเจน เพราะไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้ร้านค้ามีรายได้รวมเติบโตสูง โดยร้านค้าสมาชิกมีอัตราการเติบโตถึง 1,547% ส่วนร้านค้าต้นแบบโตถึง 215% ทำให้เรามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ขณะที่เฟสที่สองบริษัทฯตั้งเป้ารักษาการขยาย สาขาและรายได้ไว้ในระดับนี้ต่อไป"
สำหรับแนวทางในปี 2549 บริษัทฯได้ตั้งเป้ามีรายได้ 1,052 ล้านบาท จากการขยายจำนวนสมาชิกเพิ่มเป็น 18,000 ร้านค้าทั่วประเทศ แบ่งเป็นยอดขายจาก 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย ร้านค้าต้นแบบ ซึ่งมีรูปแบบคล้ายกับร้านสะดวกซื้อ ปีนี้จะขยายเพิ่มจาก 24 แห่งเป็น 50 แห่ง โดยตั้งเป้ามีรายได้เพิ่มจาก 28 ล้านบาทเป็น 77 ล้านบาท ส่วนร้านสมาชิกปีนี้ตั้งเป้ามีรายได้เพิ่มจาก 618 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท ขณะที่สินค้าโอทอปปีนี้ตั้งเป้ามีรายได้เพิ่มจาก 14 ล้านบาท เป็น 75 ล้านบาท
นางเพ็ญนภากล่าวต่อถึงทิศทางธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งว่า การแข่งขันมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับแนวทางในการตั้งรับเออาร์ที เน้น การสร้างเน็ตเวิร์กในการบริหารการจัดการ การจัดส่งสินค้าต้องมีความรวดเร็วและตรงตามความต้องการ โดยล่าสุดได้เตรียมจับมือร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทย เพื่อพัฒนาการจัดส่งสินค้าได้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น พร้อมทั้งปีนี้บริษัทฯจะเน้นการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างความเข้มแข็งเออาร์ที
"ปีนี้เราได้วางแผนร่วมกับโครงการของหน่วยงานราชการต่างๆ เช่น โครงการร่วมกับธนาคารออมสินพัฒนาร้านค้าชุมชนอิสลาม โดยทางธนาคารออมสินให้การสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อเปิดร้านค้าชุมชน โครงการร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และกรมอาชีวศึกษา พัฒนาร้านค้าภายในวิทยาลัยอาชีวเพื่อให้นักศึกษามีโอกาสศึกษาการบริหารงาน ฯลฯ"
พร้อมกันนี้ ปีนี้เออาร์ทียังได้เตรียมขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าโอทอปที่มีศักยภาพ อาทิ ถั่วยี่ห้อ "เฮิร์บนัท" ไปยังช่องทางอื่นๆ นอกเหนือจากจำหน่ายในเออาร์ที โดยขั้นแรกเข้าช่องทางร้านค้าปลีกรายย่อยหรือโชวห่วย ต่อไปเริ่มขยายเชนร้านค้าปลีกสมัยใหม่ กระทั่งส่งออกต่างประเทศ เนื่องจากเออาร์ทีมีรายได้ส่วนหนึ่งจากยอดขายสินค้าโอทอป และส่วนหนึ่งมาจากการสั่งซื้อ 1%
ขณะที่ด้านการบริหารสินค้า เออาร์ทีได้คัดเลือกสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการเคลื่อนไหวไว 20% จากจำนวน 800 รายการ เนื่องจากพบว่าสินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวไวสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 80% ส่วนด้านราคาสินค้าได้จับมือร่วมกับซัปพลายเออร์ 80 ราย ทำให้สินค้าที่ได้มีราคาถูกเทียบกับเชนโมเดิร์นเทรด
ล่าสุดเออาร์ทียังได้นำโมเดลร้านค้าต้นแบบ ใหม่ ขนาดเล็ก คือ 15-20 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนประมาณ 3.5-4 แสนบาท เพื่อรองรับแนวโน้มการขยายสาขาของเชนโมเดิร์นเทรดขนาดเล็กลง ขณะเดียวกันก็เป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้ที่มีงบลงทุนน้อย จากเดิมมีทั้งหมด 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 32 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 6.5-7 แสนบาท และขนาด 64 ตางรางเมตร ลงทุน 9 แสนบาท
นอกจากนี้ เออาร์ทียังได้เตรียมพัฒนาในรูปแบบคีออสอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เปิดตัวไปแล้วโดยมีจำนวนสมาชิก 2-3 ราย ปรากฏว่ารูปแบบดังกล่าวยังต้องมีการปรับปรุง เพราะในทางปฏิบัติผลตอบรับยังไม่ดีมากนัก โดยมีค่าใช้จ่ายแพง แต่เออาร์ทีได้เตรียมปรับปรุงเพื่อให้ค่าใช้จ่ายถูกลง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|