เปิดยุทธศาสตร์"แสนสิริ" ลุยลงทุนบ้านทุกเซกเมนท์


ผู้จัดการรายสัปดาห์(23 มกราคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

"แสนสิริ" ส่งบริษัทลูกชิงแชร์ตลาดบ้านระดับกลางราคา 1-3 ล้านบาท หลังพบว่าความต้องการสูง แต่ไม่กล้าลงทุนเอง หวั่นกระทบภาพลักษณ์บ้านไฮเอนด์ พร้อมเปิดศึกทุกตลาด ลุยลงทุนบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียมทุกเซกเมนท์ ปีนี้เปิดโครงการใหม่ 16 แห่ง มูลค่า 16,400 ล้านบาท ตั้งเป้าโกยยอดขาย 14,000 ล้านบาท

แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับกลาง ราคาเฉลี่ยที่ 1-3 ล้านบาท ยังมีแนวโน้มเติบโตในเกณฑ์ที่ดี ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต่างโดดเข้ามาเล่นในสนามนี้ ทั้งรายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ ที่ไม่จดทะเบียน และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม การโดดเข้ามาเล่นในตลาดนี้ อาจจะทำให้บริษัทที่เคยทำตลาดบ้านราคาแพงมาก่อน เสียภาพลักษณ์องค์กร ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุด คือการสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมารองรับการทำตลาดใหม่ หรือ จัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาทำตลาดบ้านระดับกลางเลย เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์องค์กรมากนัก ขณะเดียวกัน ก็ยังสามารถสร้างรายได้จากทั้งสินค้าในเซกเมนท์เดิมที่มีความเชี่ยวชาญ และเซกเมนท์ใหม่ที่หามืออาชีพเข้ามาร่วมงาน

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ประกอบการที่ทำบ้านระดับหรู ราคาแพงมาตลอด พบว่า ตลาดบ้านราคาแพงเริ่มอิ่มตัว ขณะที่บ้านระดับกลางมีความต้องการมาก จึงได้เตรียมขยายตลาดมาสู่บ้านราคากลางอย่างเต็มตัว แต่เกรงว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของแสนสิริที่มีภาพเป็นผู้ประกอบการระดับไฮเอนด์ ดังนั้น จึงได้ให้บริษัทในเครือลงทุนพัฒนาบ้านระดับกลาง ส่วนแสนสิริยังคงเดินหน้าทำบ้านราคาแพงต่อไป

เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2549 กลุ่มบริษัทแสนสิริ มีแผนจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อีกประมาณ 16 แห่ง คิดเป็นมูลค่าขายรวม 16,400 ล้านบาท โดยตั้งเป้าสร้างรายรับรวมจากการดำเนินงานในปีนี้เป็นมูลค่าราว 14,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน

โครงการทั้งหมดที่จะลงทุนจะเป็นที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร ทั้งบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ รวมถึงที่พักอาศัยเพื่อตากอากาศในทำเลท่องเที่ยว ซึ่งจะเน้นการทำตลาดระดับกลาง ราคาเฉลี่ยที่ 1-3 ล้านบาท เป็นหลัก แต่ยังคงลงทุนบ้านราคามากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไปด้วย

" ปัจจุบันแสนสิริพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมี่ยมมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม และทาวน์เฮาส์ ปีนี้มีแผนที่จะขยายฐานการพัฒนาที่อยู่อาศัยเกือบทุกประเภท ตั้งแต่ระดับกลางถึงระดับพรีเมี่ยม รวมไปถึงมีแผนที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสูง โดยจะลงทุนผ่านบริษัทในเครือ อาทิ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด , บริษัท พร้อมพัฒนา จำกัด , บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เวนเจอร์ จำกัด ที่ส่วนใหญ่แสนสิริถือหุ้นอยู่เกือบ 100% เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า"

สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่นั้น จะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 4 แห่ง ตั้งอยู่บริเวณถนนสนามบินน้ำ ถนนประชาชื่น ถนนราชพฤกษ์ และรามอินทรา คิดเป็นมูลค่าขายรวมราว 10,000 ล้านบาท และจะมีเปิดตัวคอนโดมิเนียมในเขตซีบีดีและทำเลที่มีการคมนาคมสะดวกอีก 6-8 แห่ง มูลค่าขายประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนโครงการทาวน์เฮาส์จะมีการพัฒนาโครงการใหม่อีก 3-4 แห่ง มูลค่าขายประมาณ 2,500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนาที่พักตากอากาศในแหล่งท่องเที่ยวอีก 1-2 แห่ง

ส่วนผลประกอบการของกลุ่มบริษัทแสนสิริในปี 2548 ประสบความสำเร็จอย่างสูง เนื่องจากสามารถสร้างยอดรายรับรวมจากการดำเนินงานประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายและเป็นรายรับรวมที่สูงเป็นอันดับที่ 2 ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนในปี 2548 บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมเป็นมูลค่าประมาณ 9,100 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายบ้านจัดสรร 5,620 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1,330 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 2,140 ล้านบาท

เศรษฐา กล่าวว่า ในปีนี้กลุ่มแสนสิริจะมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินงานรวม 30 แห่ง มีจำนวนยูนิตพร้อมขาย 5,300 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 27,400 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการขายได้ 2-3 ปี โดยในปีก่อนได้เปิดตัวบ้านจัดสรรราคา 10-60 ล้านบาท 4 แห่ง ได้แก่ บ้านแสนสิริสุขุมวิท 67 ,นาราสิริ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ ,นาราสิริ สาทร-วงแหวน และโครงการ The Emperor

บ้านจัดสรรระดับพรีเมี่ยม ราคาขาย 5-10 ล้านบาท 4 แห่ง ได้แก่ เศรษฐสิริ สนามบินน้ำ ,เศรษฐสิริ รามอินทรา , เศรษฐสิริ วงแหวน-สุขาภิบาล ,และ The Gallery ถนนพุทธมณฑลสาย 1 และบ้านจัดสรร ราคาขาย 3-5 ล้านบาท ได้แก่ สราญสิริ รามอินทรา และโครงการ Las Tortugas (ลาส ตอตูกัส) คอนโดมิเนียมตากอากาศที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และลงทุนผ่านบริษัทในเครือได้แก่ สาทรพลัส และเดอะ โฟว์ตี้ไนน์พลัส 2

ส่วนบริษัทพลัสฯ ลงทุนโครงการ 5 แห่ง ได้แก่ พลัสซิตี้พาร์ค เกษตร-นวมินทร์ ,พลัสซิตี้พาร์ค ลาดพร้าว 71 ,พสัสซิตี้พาร์ค พระราม 9 - หัวหมาก , พลัสซิตี้พาร์ค เอกมัย-รามอินทรา และพลัสซิตี้พาร์ค สุขุมวิท 101/1


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.