ก้าวต่อไปสตาร์บัคส์ ขยับจากเพลงมาขายภาพยนตร์


ผู้จัดการรายสัปดาห์(23 มกราคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

จากที่บุกเบิกตลาดบริการดาวน์โหลดเพลงให้กับลูกค้าคอกาแฟจนมีชื่อเสียงโด่งดังแพร่หลายในวงการเพลงมาแล้ว ยักษ์ใหญ่น้องใหม่ในวงการกาแฟอย่างสตาร์บัคส์ได้ตัดสินใจก้าวต่อไปทันที ด้วยการประกาศว่าจะหันไปจำหน่ายดีวีดีภาพยนตร์ในร้านกาแฟของตนเป็นธุรกิจต่อไป

การพัฒนาธุรกิจเพลงของสตาร์บัคส์ ได้ดำเนินการเป็นขั้นตอนถึง 3 ขั้น คือ ขั้นแรก การพัฒนาจากแนวคิดของการเปิด เฮีย มิวสิก คอฟฟีชอป (Hear music coffee shop) ในร้านกาแฟของตน

ขั้นที่สอง ผู้บริหารของสตาร์บัคส์ได้พัฒนาแนวคิดของการดำเนินธุรกิจการส่งเสริมการจำหน่ายเพลงช่องทางใหม่ ผ่านไปที่ตู้ฟังเพลงที่ตั้งไว้ตามร้านกาแฟในแถบซีแอตเติ้ล ที่เรียกว่า Listening Kiosk

ขั้นที่สาม การเปิดสถานีวิทยุที่กระจายเสียงผ่านดาวเทียม ในชื่อของเอ็กซ์ เอ็ม แซทเทลไลต์ ทำให้สตาร์บัคส์เข้าไปถึงกลุ่มลูกค้าและแฟนเพลงระดับฮิป ฮอป

ในการกระโจนเข้าไปในวงการมายา ด้วยการจับมือกับบริษัทเจ้าของอัลบัมเพลงดังในการให้บริการโปรโมต จำหน่ายเพลงผ่านการดาวน์โหลดเพลง และทำการผลิตเพลงตามคำขอตามร้านสตาร์บัคส์ ได้พบว่าผู้บริโภคที่เป็นฐานลูกค้าหลักของร้านให้ความเชื่อถือในงานบริการของสตาร์บัคส์ ทำให้ฐานลูกค้าของกิจการขยายกว้างขวางขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้ทำการส่งเสริมการจำหน่ายด้วยเงินทองแต่อย่างใด นอกเหนือไปจากการออกไปบอกต่อๆ กันแบบปากต่อปากของบรรดาลูกค้าที่เคยเข้าไปใช้บริการในร้านแล้วเท่านั้น

ในส่วนของธุรกิจการให้บริการดาวน์โหลดเพลงที่ร้านกาแฟนั้น อาจไม่สามารถรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างน่าพอใจอย่างในอดีต ส่วนหนึ่งมาจากสภาพการแข่งขันจากคู่แข่งในตลาด

อย่างเช่น การเปิดตัวของเว็บไซต์ชื้อ ฟาสต์บูธดอทคอม ที่เป็นเซิร์ช เอ็นจิน ด้านเพลง เมื่อไม่นานมานี้ ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถค้นหา และสตรีมเพลงฟรีเพื่อไปใส่ในอุปกรณ์ เอ็มพี3 ด้วยคุณภาพเสียงที่ใกล้เคียงกับต้นแบบ แม้จะไม่ถึงกับดีเยี่ยมเท่าอินเทอร์เน็ต เรดิโอก็ตาม

นอกจากนั้น ร้านฟาสต์ ฟูด แมคโดนัลด์ และเบอร์เกอร์ คิง ก็หันมาสนใจที่จะขยายฐานการบริการให้กับธุรกิจบันเทิงให้กับกลุ่มลูกค้าเด็กของตนมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพื่อกระตุ้นยอดการจำหน่ายเมนูอาหารสำหรับเด็กที่ทำกำไรต่อหน่วยสูงกว่าอาหารผู้ใหญ่

ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้บริหารของสตาร์บัคส์ มองหาลู่ทางใหม่ๆ ทางการตลาดที่กระจายออกจากวงการเพลง ด้วยการสร้างคุณค่าของพื้นที่ในร้านกาแฟ เป็นมุมบันเทิงครบวงจร ซึ่งรวมไปถึง เพลง ภาพยนตร์ หนังสือ ซีดี และการแสวงหาภาพยนตร์ที่จะนำไปใช้ในการโปรโมตเริ่มต้นมาไม่น้อยกว่า 1 ปีแล้ว และที่เลือก อะกีลาห์ แอนด์ เดอะ บี ก็เพราะเชื่อว่าเหมาะสมกับภาพของร้านกาแฟของตน ในความเป็นภาพยนตร์ประเภทสร้างสรรค์แนวนวัตกรรม และคุณภาพของงานสร้าง

ด้วยเหตุที่ว่าจึงทำให้ผู้บริหารมีความมั่นใจว่าร้านกาแฟของตนมีความได้เปรียบในการทำงานบริการด้านการตลาดให้กับอุตสาหกรรมด้านบันเทิงหรือวงการมายา

ดังนั้น ในอนาคตหากสตาร์บัคส์จะขยายฐานธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิง จากส่วนที่เป็นเพลงไปยังดีวีดีภาพยนตร์น่าจะมีลูกค้าให้ความสนใจและสามารถสร้างรายได้ได้เช่นเดียวกัน

ร้านกาแฟ เป็นทำเลที่เหมาะสมในการสังสรรค์ พบปะกันของลูกค้า หรือเป็นที่พักผ่อน คลายเครียด หาความสงบหรือการปล่อยใจให้พ้นจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน จึงทำให้ลูกค้าแทบจะทุกรายที่ก้าวเข้าไปในร้าน มีความพร้อมที่จะรับอารมณ์ที่พึงประสงค์ และความสุขในรูปแบบต่างๆ อยู่แล้ว

เพื่อเริ่มทำให้ความฝันที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจใหม่ได้ดังที่วาดฝันไว้ สตาร์บัคส์ได้แอบไปทำความตกลงกับบริษัทไลอ้อนเกต เอนเทอร์เทนเมนต์ของกลุ่มตินเซลทาวน์ ว่าร้านกาแฟสตาร์บัคส์ กว่า 5,000 แห่งในสหรัฐฯ และแคนาดา จะช่วยงานโปรโมตภาพยนตร์ใหม่ของผู้สร้างรายนี้ที่ใช้ชื่อเรื่องว่า อะกีลาห์ แอนด์ เดอะ บี

การใช้ภาพยนตร์ของไลอ้อนเกตเป็นการทดสอบความพร้อมในการลุยธุรกิจด้านดีวีดีภาพยนตร์อย่างจริงจังในอนาคตจะเริ่มประมาณเดือนเมษายนนี้ ด้วยการเริ่มจากการจำหน่ายภาพยนตร์เสียงในตัวหรือซาวน์แทร็กของภาพยนตร์เรื่องนี้

หากการทดสอบนี้ผ่านไปได้อย่างสวยงาม ก็จะทำให้กฎกติกาของการเล่นเกมทางการตลาดเพื่อการจำหน่ายและกระจายสินค้าในช่องทางการตลาดของดีวีดีภาพยนตร์เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างแน่นอน ซึ่งน่าจะทำให้เกิดวิถีทางการดำเนินธุรกิจดีวีดีภาพยนตร์หรือความบันเทิงที่จำหน่ายได้ในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างออกไปจากประวัติศาสตร์ทางธุรกิจในอดีต

หากได้ทำการโปรโมตผ่านร้านสตาร์บัคส์แล้ว โอกาสที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงจนกระทั่งสามารถติดกลุ่ม บ็อกซ์ ออฟฟิศ และยอดการจำหน่ายดีวีดีที่ทำกำไรให้กับโครงการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นไปได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นคาดหวังที่ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้คิดไว้หลังจากที่ทำความตกลงให้ร้านสตาร์บัคส์เป็นหนึ่งในจุดที่ส่งเสริมการจำหน่ายภาพยนตร์ของตน

หากแผนการดำเนินโครงการส่งเสริมการตลาดและจำหน่ายดีวีดีออกมาดีตามคาดหมายในต้นปีหน้า น่าจะทำให้อุตสาหกรมภาพยนตร์เพิ่มรายได้จากการจำหน่ายดีวีดีได้มากกว่าปัจจุบันอีหลายเท่าตัวก็ได้ และสตาร์บัคส์นี่แหละที่อาจเป็นผู้ปลุกฮอลลีวูดให้กลับมามีชีวิตชีวา และมีแหล่งทำเงินนอกเหนือจาก บ็อกซ์ ออฟฟิศก็ว่าได้

ผลของการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ของสตาร์บัคส์ ยังไม่สามารถประเมินได้ในตอนนี้คงต้องรอไปจนถึงต้นปีหน้า ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาจำหน่ายในรูปแบบของโฮมวีดีโอว่าสตาร์บัคส์จะสามารถสร้างอำนาจทางการส่งเสริมการตลาดที่ทรงพลัง ได้อีกครั้งหนึ่ง เหมือนกับที่เคยในอุตสาหกรรมเพลงหรือไม่


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.