Amway เกิดจากความคิดริเริ่มของเด็กหนุ่มอเมริกัน เชื่อสายดัชท์ 2 คน คือ Rich De Vos และ Jay Van Andel เขาทั้งคู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ปูมหลังครอบครัวของทั้ง 2 คน เป็นกลุ่มผู้อพยพจากเนเธอร์แลนด์ ที่มาอยู่ในมลรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

เส้นทางชีวิตของ De Vos กับ Van Andel เหมือนถูกลิขิตให้เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจซึ่งกันและกันตั้งแต่ต้น จุดเริ่มความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คน ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1940 ซึ่งทั้งคู่ยังเรียนระดับไฮสกูล ก็เริ่มจากเรื่องธุรกิจ โดย Rich ได้ เสนอที่จะติดรถของ Jay ไปโรงเรียน โดย Rich จะให้ค่าตอบแทน เป็นเงินสัปดาห์ละ 25 เซ็นต์

จากความสัมพันธ์ดังกล่าว ทำให้ทั้ง Rich และ Jay มีความสนิทสนมต่อกัน และมีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจในทิศทางเดียวกัน

เมื่อจบจากไฮสกูล ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งคู่ได้สมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพ โดย Rich ได้เป็นนักบินของกองทัพบก แม้ภารกิจเบื้องหน้า ทำให้ทั้ง 2 คนต้องแยกทางกัน แต่ก็มีพันธะร่วมกันว่าจะกลับมาทำธุรกิจด้วยกัน หลังปลดประจำการจากกองทัพ

หลังสงครามโลกสิ้นสุดลงในปี 1945 ทั้ง De Vos และ Van Andel ได้ร่วมหุ้นทำธุรกิจด้วยกันตามพันธะสัญญา ที่ได้เคยให้ไว้ เริ่มต้นจากการเปิดโรงเรียนสอนขับเครื่องบินในนาม Wolverine Air Service หลังจากนั้นได้เปิดร้านอาหารประเภท drive-in ขึ้นเป็นแห่งแรกในย่านมิชิแกนตะวันตก

ทั้งคู่ประสบกับความสำเร็จทางธุรกิจร่วมกันหลายกิจการ จนกระทั่งย่างเข้าทศวรรษ 1950 เมื่อ Rich และ Jay ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอิสระให้กับวิตามิน NUTRILITE เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เขาทั้งคู่ได้พบหนทางที่จะประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าของกิจการ ด้วยกลยุทธ์ การขายตรง จากบุคคลหนึ่งต่อเนื่องไปยังบุคคลหนึ่งจนกลาย เป็นเครือข่ายธุรกิจของตนเอง

ในปี 1959 เขาได้จัดตั้งบริษัท Amway ขึ้น โดยใช้กลยุทธ์การขายตรงดังกล่าว รวมทั้งเพิ่มประเภทสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่คือข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของคนอเมริกัน

Amway ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เพียงปีแรก สามารถทำยอดขายได้ถึง 5 แสนดอลลาร์

ช่วงทศวรรษแรก (1960) ภารกิจของ De Vos และ Van Andel คือการขยายเครือข่ายตัวแทนขายอิสระของ Amway ออกไปให้ครอบคลุมทั่วทั้งอเมริกา และแคนาดา โดยเขาได้ลงทุนตกแต่งรถบัสให้เป็นเหมือนโชว์รูมสินค้า ตระเวนไปทั่วสหรัฐฯ และสามารถสร้างเครือข่ายพนักงานขาย อิสระได้ถึงกว่า 1 แสนคน โดยมีสินค้าในมือถึงกว่า 200 ชนิด ก่อนสิ้นสุดทศวรรษ

ในทศวรรษที่ 2 (1970) ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียตกำลังระอุ เป็นระยะที่ Amway เริ่มขยายเครือข่ายออกนอกสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นจากออสเตรเลียในปี 1971 และอังกฤษในปี 1973 ถัดมาอีก 1 ปี ก็ข้ามมาที่เกาะฮ่องกง ต่อด้วยเยอรมนี มาเลเซีย และฝรั่งเศส ตามลำดับ

ความสำเร็จของ Amway จุดหนึ่งเป็นที่ยอมรับว่าสินค้าแต่ละชนิดที่ถูกเลือกเข้ามา เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ แม้ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าประเภทเดียวกันที่มีอยู่ในท้องตลาดอาจมีราคาสูงกว่าบ้าง

แต่อีกจุดหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงกัน คือการใช้กลยุทธ์ การขายในลักษณะขายตรงแบบเครือข่าย ที่ให้ผลตอบแทนต่อตัวแทนขายอิสระในอัตราที่สูงยิ่ง

จากจุดเริ่มต้นในสหรัฐอเมริกา เครือข่ายของ Amway ได้ขยายออกมายังภูมิภาคต่างๆ ตามการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ในประเทศไทย Amway เริ่มเข้ามาสร้างเครือข่ายครั้งแรกในปี 1987 (2530) ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังจะมีการฟื้นความ สัมพันธ์กันระหว่างสหรัฐอเมริกากับเวียดนามให้กลับคืนมาใหม่ หลังสหรัฐฯ พ่ายแพ้สงคราม และถอนฐานทัพออกไปในปี 1975 (2518)

ประเทศไทยในยุคนั้น ถูกมองว่าเป็นเสมือนประตูการค้าที่จะเปิดออกไปสู่กลุ่มประเทศในอินโดจีน

หลังเข้ามาสร้างเครือข่ายในประเทศไทย Amway ก็ได้ขยายเครือข่ายเข้าไปครอบคลุมในกลุ่มประเทศที่ถูกเรียกเป็นตลาดเกิดใหม่ในย่านอเมริกาใต้ รวมถึงเกาหลี

เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายลงในปี 1992 (2535) Amway ก็เริ่มสยายปีกเข้าไปยังประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันออก รวมทั้งประเทศที่เพิ่งแตกตัวออกมาใหม่จากสหภาพโซเวียตเดิม

และเมื่อจีนมีแนวโน้มเด่นชัด ในการเปิดประเทศต้อนรับระบบการค้าแบบเสรี Amway ก็ได้เข้าไปเปิดสาขาในปี 1995 (2538) (รายละเอียดดูตารางการขยายเครือข่าย Amway)

ปัจจุบันเครือข่ายของ Amway ครอบคลุมประเทศ ต่างๆ ทั่วโลกประมาณ 90 ประเทศ มีเครือข่ายที่เป็นพนักงานขายอิสระ (ซึ่งภายในเครือเรียกว่านักธุรกิจอิสระ) รวมประมาณ 3.6 ล้านคน มีสินค้าอยู่ในรายการกว่า 400 ชนิด และตลอด 43 ปี นับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งบริษัท Amway ได้จ่ายผลตอบแทนให้กับตัวแทนขายอิสระทั่วโลกไปแล้ว เป็นเงินถึง 6.3 แสนล้านบาท