|
ปั่นหุ้นไออีซี พบ30คนเอี่ยว สั่งห้ามซื้อขาย
ผู้จัดการรายวัน(16 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ตลท.เชือดหุ้นไออีซี สั่งห้ามซื้อขาย 5 วันทำการ หลังตรวจพบมีการซื้อขายผิดปกติเข้าข่ายปั่นหุ้น มีกลุ่มคนเกี่ยวข้องมากกว่า 30 คนเข้าซื้อขาย และมีความสัมพันธ์ช่วยไล่ราคาหุ้นท้ายตลาดให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เตรียมส่งก.ล.ต.ตรวจสอบต่อ ผู้บริหารไออีซียอมรับกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท ส่วนด้านราคาขึ้นอยู่กับการซื้อขายของนักลงทุนและตลาดหลักทรัพย์ที่จะคอยตรวจสอบ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ได้สั่งหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์บริษัท อินเตอร์เนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด หรือ IEC เป็นการชั่วคราว 5 วันทำการนับตั้งแต่วันที่ 16-20 มกราคม 2549 เนื่องจากตรวจพบความผิดปกติในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งในเบื้องต้นพิจารณาเห็นว่าอาจเข้าข่ายการสร้างราคาหลักทรัพย์
ทั้งนี้ พบว่าราคาและมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2548 มีการปรับตัวเคลื่อนไหวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรงซึ่งไม่สอดคล้องกับภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวม โดยราคาเพิ่มขึ้นจากช่วงปลายเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับราคาหุ้นละ 1.29 บาทเพิ่มเป็น 4.88 บาทต่อหุ้น เมื่อปลายเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 278.29%และมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2548 ที่ 661.44 ล้านบาทเป็น 5,186.88 ล้านบาทในเดือนธันวาคม 2548 เพิ่มขึ้น 684.18%
นอกจากนี้ในช่วงต้นปี 2549 นับตั้งแต่วันที่ 3-13 มกราคม 2549 ราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงเป็น 7.40 บาทเพิ่มขึ้นอีก 51.64% โดยการซื้อขายในช่วง 9วันทำการมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 5,718.34 ล้านบาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับภาวะการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์โดยรวม
ทั้งนี้ ตลท.ยังพบกลุ่มบุคคลมากกว่า 30รายที่มีลักษณะการซื้อขายหลักทรัพย์ไออีซี สัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเข้าทำการซื้อขายในหลักทรัพย์ไออีซี กระจุกตัวเป็นระยะๆ ในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง โดยมีพฤติกรรมการซื้อขายในลักษณะผลักดันราคาหลักทรัพย์ให้เพิ่มขึ้นและจับคู่ซื้อขายกันเองของบุคคลในกลุ่ม ตลอดจนมีการซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วงใกล้ปิดตลาดเพื่อทำให้ราคาปิดปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหลายครั้ง
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มบุคคลมากกว่า 30 คนนั้นไม่พบว่าเป็นผู้บริหารของบริษัทเข้ามาร่วมซื้อขายแต่อย่างใดส่วนจะเกี่ยวข้องกับนักการเมืองหรือไม่นั้นไม่ขอแสดงความเห็น แต่พบว่าการลงทุนของกล่มบุคคลมากกว่า 30 รายมีแหล่งเงินจากช่องทางเดียวกันหรือบุคคลเดียวกันแต่กระจายการซื้อขายไปในหลายบัญชีหลายบุคคล
“เดี๋ยวนี้หมดสมัยแล้วที่มีพระเอกใช้บัญชีเดียวหรือไม่กี่บัญชีในการซื้อขายและมีผู้กระทำผิดโดยไม่กี่ราย ตอนนี้มีการกระจายในหลายบัญชีหลายชื่อแต่อาจมีแหล่งเงินเดียวกันและเจ้าของเงินมีเพียงบางคน"นายกิตติรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ตลท.ได้ใช้มาตรการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ลงทุนทั่วไปและภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวมอย่างต่อเนื่องโดยห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน(Net Settlement ) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์(Margin Trading )ในหุ้นไออีซีถึง 3ครั้ง โดยครั้งแรกจำนวน 15 วันทำการ,ครั้งที่ 2 จำนวน 30 วันทำการและครั้งที่ 3 จำนวน 60 วันทำการ
นอกจากนี้ ตลท.มีหนังสือแจ้งเตือนให้บริษัทหลักทรัพย์กำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ไออีซีของกลุ่มบุคคลจำนวน 6 ครั้งแต่ลักษณะการซื้อขายหลักทรัพย์ของไออีซีของผู้ลงทุนที่มีลักษณะการซื้อขายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน ยังคงเป็นไปในลักษณะเดิมแต่ที่ผ่านมาก็พบว่าบริษัทหลักทรัพย์บางส่วนก็ให้ความร่วมมือกับ ตลท.เป็นอย่างดี
การที่ ตลท.หลักทรัพย์สั่งห้ามการซื้อขายเป็นการชั่วคราวนั้นถือเป็นการใช้อำนาจของผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมีสิทธิที่จะห้ามบริษัทจดทะเบียนซื้อขายเป็นการชั่วคราวไม่เกิน 7 วันทำการ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการห้ามไปแล้ว 5 วันทำการซึ่งหากการตรวจสอบไม่เสร็จสิ้นมีเวลาเหลืออีก 2วันทำการที่จะห้ามการซื้อขายต่อได้อีก
อย่างไรก็ตาม ตลท.จะเร่งตรวจสอบและประมวลผลการตรวจสอบการซื้อขายหลักทรัพย์ในเชิงลึกและรวบรวมเอกสารหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนโดยเร็วที่สุด ภายในระยะเวลา 5 วันทำการและจะส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
"นับตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เป็นเวลา 4 ปีเศษ ยังไม่เคยนำมาตรการสั่งพักการซื้อขายหุ้นที่เข้าข่ายสร้างราคาดังนั้นบริษัทไออีซีจึงถือเป็นบริษัทแรกที่ได้นำมาตรการนี้มาใช้"นายกิตติรัตน์กล่าว
นายสุมิท แช่มประสิทธิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอินเตอร์แนชั่น เนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC กล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทในเรื่องของภาพลักษณ์ของบริษัทก็น่าจะมีผลกระทบต่อการบริหารงานบ้าง ทั้งนี้ บริษัทก็พร้อมที่จะตอบข้อสงสัยและชี้แจงในทุกเรื่องที่ตลาดหลักทรัพย์สอบถามมา
อย่างไรก็ตาม กระบวนการในตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องให้เป็นเรื่องของนักลงทุนกับตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่าผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมดังกล่าว
"เราต้องเข้าใจบทบาทของผู้บริหารและนักลงทุนซึ่งแตกต่างกันเราในฐานะผู้บริหารก็ต้องดำเนินธุรกิจให้ดี เรื่องของหุ้นก็คงต้องให้เป็นเรื่องของตลาดหลักทรัพย์กับนักลงทุน" นายสุมิทกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|