|

เกาะกระแสฝรั่งลงทุนแบงก์-พลังงาน-สื่อสารKGIหนุนส่งออก-อสังหาเหมาะเลือกรายตัว
ผู้จัดการรายสัปดาห์(16 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"KGI" คลำทางเศรษฐกิจปีนี้ ถ้ามองเห็นแสงสว่างแจ่มชัด จากราคาน้ำมันและดอกเบี้ยยังไม่ไต่ขึ้นสูงสุด ก็ยังมีช่องทางสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะโอกาสลงทุนหุ้นรายตัวในบางกลุ่ม เช่น อสังหาฯ และส่งออก แต่หากต้องการเกาะกระแสฝรั่ง ก็คงหนีไม่พ้น กลุ่มแบงก์ พลังงานและสื่อสาร โดยกลุ่มแรกจะตักตวงผลประโยชน์จากวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้ง 2 ขา ไปเต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะที่ไฟร้อนทางการเมืองก็เป็นส่วนสำคัญทำให้นักลงทุนยังกล้าๆกลัวๆ...
สำนักวิเคราะห์และวิจัยเศรษฐกิจหลายแห่ง กำลังมองภาพเศรษฐกิจที่เริ่มส่งผลต่อการลงทุนในตลาดทุนหลากหลายแง่มุม แต่ส่วนใหญ่รูปแบบการฉายภาพเศรษฐกิจก็แทบไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะตัวแปรหลักยังคงจำกัดวงอยู่ที่ การปรับขึ้นลงของราคาน้ำมัน ที่จะส่งผ่านไปยังเงินเฟ้อ และท้ายที่สุดก็มาจบลงที่การปรับอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เคจีไอ ตั้งสมมุติฐานว่า ปีนี้ถ้าภาวะเศรษฐกิจดีวันดีคืนชัดเจน รูปแบบการลงทุนก็อาจต้องมองไปที่หุ้นเป็นรายตัว ในกลุ่มที่มองว่ายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น หุ้นอสังหาริมทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์
หากมองภาพรวมจากโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ราคาน้ำมันและดอกเบี้ยที่ถึงจะขยับขึ้นแต่ก็ยังต่ำอยู่ หุ้นอสังหาที่เจาะตลาดบ้านราคาถูกและนิคมอุตสาหกรรมก็มีโอกาสขยายตัว ขณะเดียวกันผลกระทบจากดอกเบี้ยไต่ระดับขึ้นก็ค่อนข้างน้อย เพียงแต่ต้องเลือกลงทุนเป็นรายตัว เพราะไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่จะได้รับผลบวกจากปัจจัยรายรอบ
" หุ้นอสังหา จะต่างจากกลุ่มพลังงานตรงที่ ราคาน้ำมันปรับขึ้น หุ้นน้ำมันก็วิ่งไปทิศทางเดียวกัน แต่อสังหาจะแตกต่างออกไป"
ว่ากันว่าปีนี้น่าจะดีกว่าปี 2547 ที่อสังหาเกิดอาการวูบ เพราะสิทธิประโยชน์ด้านภาษีหมดลง แต่ก็คงไม่สามารถวัดได้กับปี 2546 ที่นักลงทุนสามารถช้อปหุ้นอสังหาตัวใดก็ได้ ต่างกับปี 2548 ที่ผ่านมา หุ้นอสังหาก็ยังต้องดูเป็นรายตัว ถึงแม้ปัจจัยรายรอบจะผลักดัน ขณะที่ปี 2549 คาดกันว่าหุ้นในกลุ่มนี้จะมีโอกาสปรับขึ้นจากปัจจัยพื้นฐาน
นักวิเคราะห์ อธิบายว่า หุ้นกลุ่มนี้ค่อนข้างเล็ก มูลค่าตลาดหรือมาร์เก็ตแคปจึงไม่มากพอจะโน้มน้ามใจนักลงทุนต่างชาติกระเป๋าหนัก ตรงกันข้ามกับหุ้นธนาคารพาณิชย์ที่ปีนี้ได้รับผลบวกทั้งปัจจัยภายในคือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้ง 2 ขา ไม่ว่า ฝั่งเงินฝากหรือ เงินกู้ หุ้นแบงก์จึงถือเป็นหุ้นที่จะเก็บกวาดผลประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเต็มกระเป๋า
ขณะเดียวกันก็เป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติไม่เคยมองข้ามความสำคัญ โดยกระแสการลงทุนของทุนนอกที่ยังไหลเข้าออกส่วนใหญ่มักจะเลือกลงทุนใน 3 กลุ่มหลัก คือ พลังงาน สื่อสารและธนาคารพาณิชย์ ดังนั้นหากดูตามสถิติหุ้นที่ฝรั่งควักเงินลงทุนจึงมักจะวิ่งขึ้นหมด ไม่เหมือนหุ้นม้านอกสายตา
นักวิเคราะห์ แนะนำหุ้นสำหรับลูกค้ารายบุคคล นอกจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์หรือธนาคารพาณิชย์แล้ว ก็ยังมีหุ้นในกลุ่มส่งออก ที่มีไม่ถึง 5% ของตลาด ที่ค่อนข้างน่าสนใจ เห็นได้จากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ก็ได้รับแรงส่งจากหุ้นส่งออกค่อนข้างมาก
แต่ปัญหาคือกลุ่มนี้คือ มักได้รับผลกระทบทางจิตวิทยา กรณีมีการเหวี่ยงขึ้นลงของอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ผลประกอบการหน้าตาดูดี
" ความจริงค่าเงินกระทบในแง่จิตวิทยาเท่านั้น แต่ตัวกำหนดคือคนซื้อ สภาพเศรษฐกิจ กำลังซื้อ แนวโน้มธุรกิจมากกว่า ที่ผ่านมาการส่งออกสินค้าอิเลคทรอนิคส์ก็น่าสนใจเพราะมีสัดส่วนสูงถึง 65% ของยอดการส่งออก"
นักวิเคราะห์ ยังให้มุมมองเกี่ยวกับการปัญหาการเมืองที่ยังร้อนแรงต่อเนื่อง ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้นักลงทุน โดยเฉพาะต่างชาติยังลังเล กล้าๆ กลัวๆ จะเข้ามาลงทุน กระทั่งไม่กล้าซื้อหุ้นเทเลคอม อย่างไรก็ตาม หุ้นอสังหาหรือแบงก์ รวมถึงหุ้นธุรกิจส่งออกก็พอจะสอดแทรกกู้หน้าได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยทางการเมือง ในแง่จิตวิทยาก็มีผลต่อดัชนีค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการเก็งกำไรหุ้นบางตัวไม่ว่าจะเป็น ปิกนิก ทีพีไอ หุ้นที่เกี่ยวกับการเมือง การเลื่อนแบบไม่มีกำหนดของหุ้น กฟผ. หรือแม้กระทั่งการเก็งกำไรในหุ้นบางตัวในช่วงกลางปีที่แล้ว
" นักลงทุนอาจจะเข็ด เพราะการเก็งกำไรในหุ้นบางตัว อาจจะสร้างเงินให้กับคนบางคนหรือบางกลุ่ม ซึ่งถ้ามีการลงทุนในหุ้นลักษณะนี้บ่อยๆ ในระยะยาวจะส่งผลต่อภาพลักษณ์การลงทุนในตลาดหุ้น"
นักวิเคราะห์บอกว่า ในช่วงที่ฝรั่งเข้ามาลงทุนมากๆ หุ้นพวกนี้มักจะไม่มีใครสนใจ ยกเว้นพวกชอบเก็งกำไร สร้างราคา ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นหุ้นขนาดเล็ก ที่มีผลกับกระเป๋าของบางคน แต่ก็ไม่มีผลต่อดัชนีแม้แต่น้อย
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|