|
แพรนด้าคาดรายได้ปีนี้โต10-15% ผลการขยายฐานส่งออกลูกค้าเพิ่ม
ผู้จัดการรายวัน(11 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
แพรนด้า จิวเวลรี่ คาดรายได้ปีนี้โต 10-15% ผลจากการขยาย ตลาดส่งออกเพิ่มทั้งจีน อินเดีย และเวียดนาม ยันไม่ปรับขึ้นราคาจิวเวลรี่ แม้ราคาทองจะพุ่งสูง หวังสร้างมาตรฐานราคา ขณะที่พรีม่าโกลด์ฯ บริษัทย่อยยังทำ รายได้เข้าสู่บริษัทแม่ต่อเนื่อง คาดปีนี้เติบโตอีก 15% จากปี 48 ที่ทำรายได้ไว้ประมาณ 500 ล้านบาท
นางปราณี คุณประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) (PRANDA) กล่าวว่า ยืนยันยังไม่มีการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เครื่องประดับทุกประเภท แม้ว่าราคาทองจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากต้อง การรักษาระดับราคาและแบรนด์สินค้า ให้เป็นมาตรฐาน โดยยอมรับว่าหากราคาทองยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ในที่สุดก็อาจมีการปรับราคาสินค้า
"ทางบริษัทฯ พยายามควบคุมราคาสินค้าอยู่ ซึ่งจะไม่ปรับราคาเพิ่ม ขึ้นในช่วงนี้ แต่หากราคาทองยังแพงก็อาจปรับขึ้นได้ แต่ต้องรอให้ทาง บริษัทฯ รับภาระไม่ไหว หรือราคาทอง ปรับเพิ่มขึ้นไปจนเกินอัตราที่รับได้" นางปราณี กล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ PRANDA เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นสินค้าเครื่องประดับ แฟชั่น ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศเยอรมนี โดยเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หลังจากที่ได้มีการทดลองตลาดไปเมื่อปลายปีก่อน ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าที่ให้ความสนใจ ถึง 5 ประเทศ อาทิ เยอรมนี ออสเตรเลีย ฮอลแลนด์ นอร์เวย์ เป็นต้น
ส่งผลให้ PRANDA คาดการณ์สัดส่วนรายได้ส่งออกปี 2549 จะเติบโต 10-15% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่าน มาที่มีรายได้การส่งออกประมาณ 2,670 ล้านบาท โดยการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากบริษัทฯ มีการขยายตลาดเพิ่มทั้งในส่วนของอินเดีย จีน เวียดนาม
ขณะที่ บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PRANDA พบว่าผลประกอบในปี 48 มีรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% แบ่งสัดส่วนของรายได้ที่มาจากพรีม่าโกลด์ 70% พรีม่าไดมอนด์ 28% และที่เหลือ 2% สำหรับพรีม่าอาร์ตผลประกอบการเป็น ที่น่าพอใจนี้มาจากการออกคอลเลกชันใหม่ๆ มาสนองความต้องการของลูกค้าเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะชื่นชอบความประณีตในการออกแบบลวดลายของพรีม่าโกลด์ที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว และบริษัทฯยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า คาดว่า ยอดขายในปี 49 น่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 15%
โดยปี 49 บริษัทฯวางแผนที่จะขยายไลน์สู่กลุ่มลูกค้าในระดับต่างๆ มากขึ้น เนื่องจากบริษัทฯได้มีการทำวิจัยและสำรวจตลาดเครื่องประดับทองรูปพรรณพบว่า กลุ่มลูกค้าจะมีช่วงอายุระหว่าง 20-45 ปี อุปนิสัยมีความมั่นใจในตัวเอง รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เหมาะกับอะไร ชอบเครื่องประดับที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์และมีบุคลิกที่โดดเด่น ซึ่งช่วงระหว่างอายุ ที่ค่อนข้างกว้างนี้ ทำให้บริษัทฯต้องพยายามคิดค้นแบบลวดลายต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการกับกลุ่มอายุมากที่สุด
ทั้งนี้จะมีการออกแบบเครื่อง ประดับทองรูปพรรณคอลเลกชันใหม่ๆ วางจำหน่ายปีละประมาณ 3-4 ครั้ง ซึ่งในการเปิดร้านพรีม่าโกลด์ สาขา สยามพารากอน ครั้งนี้เป็นสาขาที่ 40 และเป็นสาขาแรกที่เปิดในปีนี้ด้วยซึ่ง จุดเด่นของสาขาจะอยู่ที่ศักยภาพความ แข็งแกร่งของทำเลทองในย่านธุรกิจใจ กลางเมืองความครบครันของห้างสรรพสินค้าและความสะดวกสบายในการเดินทาง โดยกลุ่มลูกค้ายังเป็น กลุ่มเป้าหมายเดียวกันบริษัทฯจึงทำ ให้มีความมั่นใจว่าร้านพรีม่าโกลด์สาขา สยามพารากอนจะเป็นอีกหนึ่งสาขาที่สามารถทำยอดขายได้ในอันดับต้นๆสำหรับหมวดของสินค้าที่นำมาจำหน่ายในสาขานี้จะมีทั้งพรีม่าโกลด์ พรีม่าไดมอนด์และพรีม่าอาร์ต เพื่อตอบสนองผู้ที่ชื่นชอบ ทั้งเครื่องประดับทองรูปพรรณ 99.9% และเครื่องประดับเพชร
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ออกแบบคอลเลกชันล่าสุด "สยามพรรณนาราย (Siam Pannarai)"ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ตัวเลข ๑ ไทย ที่มีความงดงาม และมีลวดลายแบบลายกนกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย รวมถึงความหมายของเลข ๑ หมายถึงความเป็นที่หนึ่งในทุกๆ ด้าน รวมทั้งความเป็นหนึ่งในศิลปะไทยที่ไม่ด้อยกว่าไปกว่าชาติใดในโลก
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|