|

น้ำผัก-ผลไม้ปีจอตลาดคึกคัก
ผู้จัดการรายวัน(10 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ธุรกิจน้ำผัก-ผลไม้นับว่าเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง และคาดว่าจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2549 ภายหลังจากที่ปี 2548 ที่ผ่านมาธุรกิจนี้ก็ประสบผลสำเร็จจากยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นและมูลค่าการส่งออกที่มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น
เนื่องจากเริ่มมีอัตราการเติบโตดีขึ้นในปี 2548 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงคาดว่า มูลค่าตลาดน้ำผัก- ผลไม้ในปี 2549 จะมีทั้งสิ้น 3,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับในปี 2548 โดยแยกเป็นน้ำผัก-ผลไม้ 100% หรือตลาดระดับบนมูลค่า 2,400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 1,400 ล้านบาท เป็นน้ำผัก-ผลไม้ 40% หรือตลาดระดับกลาง และน้ำผัก-ผลไม้ 25% หรือตลาดระดับล่าง
โดยการเติบโตยังคงมาจากน้ำผัก-ผลไม้ 100% เป็นหลัก ซึ่งมีอัตราการขยายตัวประมาณ 18% โดยเฉพาะตลาดน้ำผัก-ผลไม้ 100% ประเภทพาสเจอไรซ์จะมีเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งประมาณ 10% ของมูลค่าตลาดน้ำผัก-ผลไม้ 100% ทั้งหมด ส่วนตลาดน้ำผัก-ผลไม้ระดับกลางและล่างนั้น มีอัตราการขยายตัวที่ไม่สูงนัก
ปัจจัยหนุนหลากหลายปัจจัยที่กระตุ้นการขยายตัวตลาดน้ำผัก-ผลไม้ในปี 2549 กล่าวคือกระแสผู้บริโภคหันมาใส่ใจในสุขภาพยังคงมาแรง ทำให้ผู้บริโภคเริ่มหันมาบริโภคน้ำผัก-ผลไม้มากขึ้นแทนการบริโภคชาเขียวและน้ำอัดลม
โดยตลาดชาเขียวพร้อมดื่มที่เคยเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมาจนสามารถแย่งลูกค้าบางส่วนจากน้ำผัก-ผลไม้นั้น คาดว่าในปี 2549 อัตราการขยายตัวของตลาดชาเขียวเริ่มจะชะลอตัวลง รวมทั้งตลาดเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน ทำให้คาดหมายว่าผู้ประกอบการในธุรกิจเครื่องดื่มจะเริ่มหันมาเพิ่มสายการผลิตเครื่องดื่มประเภทน้ำผัก-ผลไม้ ทำให้คาดว่าสภาพตลาดน้ำผัก-ผลไม้จะคึกคักขึ้น
ทั้งนี้ การแข่งขันมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นจากการที่ผู้ประกอบการรายเดิมต้องการปกป้องส่วนแบ่งตลาดจากผู้ผลิตหน้าใหม่ที่เริ่มเข้ามาแข่งขันในตลาด
สำหรับการส่งออกน้ำผัก-ผลไม้ของไทยในปี 2548 มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นจากที่มูลค่าการส่งออกชะลอตัวในปี 2547 กล่าวคือ คาดว่าในปี 2548 มูลค่าการส่งออกน้ำผัก-ผลไม้เท่ากับ 190.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับในปี 2547 ที่มีมูลค่าการส่งออก 178.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วเพิ่มขึ้น 6.4% ทั้งนี้เนื่องจากการส่งออกไปยังตลาดหลักทั้งสหรัฐฯและสหภาพยุโรปมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น นับว่ามูลค่าการส่งออกกระเตื้องขึ้นจากที่ในปี 2547 นั้นมูลค่าการส่งออกลดลง 7.5%
การส่งออกน้ำผัก-ผลไม้ของไทยนั้นน้ำสับปะรดมีสัดส่วนประมาณ 60.0% ของมูลค่าการส่งออกน้ำผัก-ผลไม้ทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกน้ำส้ม น้ำผัก-ผลไม้รวม และน้ำผัก-ผลไม้อื่นๆ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่ามูลค่าการส่งออกน้ำส้มและน้ำผัก-ผลไม้รวมมีอัตราการขยายตัวที่น่าสนใจ แม้ว่าในปัจจุบันมูลค่าการส่งออกจะยังไม่สูงมากนักก็ตาม
ปัจจุบันไทยยังมีการนำเข้าน้ำผัก-ผลไม้โดยมีมูลค่านำเข้าเฉลี่ย 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งน้ำผัก-ผลไม้ที่นำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นน้ำผัก-ผลไม้ที่ไม่สามารถผลิตในประเทศ โดยเฉพาะผัก-ผลไม้เมืองหนาว แหล่งนำเข้าสำคัญคือ จีน ไต้หวัน สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป
สำหรับมูลค่าการส่งออกน้ำผัก-ผลไม้ของไทยนั้น (ตัวเลขล่าสุดคือ เดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน ปี 2548) พบว่า ส่งอกไปยังสหรัฐฯ ประมาณ 52.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งไปยังสหภาพยุโรป 65.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งออกไปญี่ปุ่น 9.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งออกไปยังอาเซียน 11.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดอื่นๆ ประมาณ 31.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมประมาณ 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|