ชาญอิสสระ เล็งเพิ่มทุนBKKCP หลังโชว์ผลตอบแทนสูงสุดในปี48


ผู้จัดการรายวัน(10 มกราคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ผู้บริหาร "ชาญอิสสระ" ปลื้มผลตอบแทนที่ได้รับจาก "กองทุนอสังหาริมทรัพย์บางกอก" หรือ BKKCP หลังลิปเปอร์จัดอันดับให้เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลตอบแทนสูงสุดอันดับหนึ่งในช่วงปี 2548 แย้มเตรียมซื้อสินทรัพย์เพิ่ม หวังเพิ่มขนาดของกองทุน

นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมาของบริษัทว่า มีผลงานเป็นที่น่าพอใจกับทุกโครงการของบริษัท ตั้งแต่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) ที่ลิปเปอร์จัดอันดับให้เป็นกองทุนฯที่ให้ผลตอบ แทนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง โดยปัจจุบันกองทุนนี้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1,143.60 ล้านบาท ผลตอบ แทนตั้งแต่ต้นปี 2548 ถึง วันที่ 30 พฤศจิกายน 2548 อยู่ที่ 17.08% ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 12.70% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 14.36% และย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 17.57%

สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก ได้ลงทุนในห้องชุดสำนักงานและห้องชุดพาณิชยกรรมในอาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ และอาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 จำนวนพื้นที่รวม 29,386.24 ตารางเมตร เข้ามาลงทุน โดยมีบริษัทชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ และมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) วรรณ จำกัด เป็นผู้จัดการของกองทุนดังกล่าว ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2548 ที่ผ่านมามีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงถือหน่วยลงทุนไปแล้ว 3 ครั้ง

"แนวโน้มการลงทุนในกอง ทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยังสดใส คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์สำนักงานยังมีอนาคตที่ดีอยู่ จากความต้องการพื้นที่สำนักงานที่ยังคง มีอยู่มาก แต่ปริมาณพื้นที่สำนัก งานใหม่ในทำเลดีมีจำนวนจำกัด ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นมีการปรับตัวขึ้นใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าราคาพื้นที่สำนักงานยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นปรับตัวขึ้นเท่านั้น ซึ่งทาง กองทุนอสังหาริมทรัพย์บางกอกเอง ก็มีแผนที่จะขยายกองทุน โดยขณะ นี้ได้มองหาอาคารที่มีทำเลที่ตั้งที่ดี การคมนาคมสะดวก และสิ่งอำนวย ความสะดวกครบครันเข้ามาเพิ่มในกองทุนฯ"นายสงกรานต์กล่าว

ด้านโครงการใหญ่อย่างบ้านอิสสระ พระราม 9 ก็สามารถรับรู้รายได้ไปกว่า 700 ล้านบาท มียอด ขายรวมทั้งสิ้น 886.76 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันสามารถปิดการขายไปแล้ว 38 ยูนิต จาก 54 ยูนิต ด้านงานก่อสร้างแล้วเสร็จไปกว่า 90% สำหรับโครงการศรีพันวา ภูเก็ต ก็แรงไม่แพ้กัน โดยในเฟสแรกได้ก่อสร้าง Residential Estate จำนวน 9 หลัง ขายไปแล้ว 8 หลัง และ Pool Villas จำนวน 11 หลัง โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 252 ล้านบาท และในปลายปีที่แล้วโครง การได้เริ่มงานในเฟสที่ 2 โดยได้ก่อสร้าง Residential Estate เพิ่มอีก 10 หลัง และ Pool Villas อีกจำนวน 22 หลัง ซึ่งขณะนี้กำลัง ก่อสร้าง Residential Estate อีก 4 หลัง และ Pool Villas อีก 8 หลัง โดยคาดว่าจะทยอยสร้างเสร็จตั้งแต่กลางปี 2549 ถึงปลายปี 2549 ด้านยอดขายเฟสที่สองปัจจุบันมียอดขายรวมทั้งสิ้น 219.9 ล้านบาท

ในส่วนของโครงการเพลินทะเล ชะอำ เป็นที่น่ายินดีกว่าโครง การอื่นๆ เพราะเปิดตัวโครงการเมื่อกลางปี 2547 เพียงแค่ 6 เดือน ก็สามารถปิดการขายได้อย่างสวย งาม ซึ่งปัจจุบันได้ทยอยโอนให้ลูก ค้าไปจำนวนหนึ่งแล้ว ทั้งนี้ โครง การบ้านเพลินทะเล เป็นคอนโดมิเนียม Low-Rise สูง 4 ชั้น 7 อาคาร ติดชายหาดชะอำ

นอกจากนี้ โครงการพัฒนา ที่ดิน IRD (International Resource Development) ซึ่งตั้งอยู่ บนถนนเทพราช ซึ่งเป็นช่วงต่อจาก ซอยอ่อนนุช ไปทางตะวันออกของสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 10 กิโลเมตร มีเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างวางแผนพัฒนา ซึ่งนับว่าเป็นที่ดินแปลงที่มีศักยภาพสูงสามารถพัฒนา เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองและสนามบินแห่งใหม่

นายสงกรานต์กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาโครงการศรีพันวา ภูเก็ต ได้เปิดให้บริการในส่วนของโรงแรมตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 โดยได้นำ Pool Villas จำนวน 11 หลัง เปิดให้เป็นโรงแรม ที่พัก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วง ฤดูกาลท่องเที่ยวที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยว โดยมีการติดต่อจองห้อง พักจนเต็มตั้งแต่เปิดบริการมาจน ถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มต่างชาติที่เป็นคู่ฮันนีมูนและครอบ ครัว ที่ต้องการมาพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว

ขณะที่โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต จะมีการก่อสร้างเพิ่มเติมอีกจำนวน 60 ห้อง โดยมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรร่วมในการดำเนินงานและการบริหารด้านงานโรงแรม


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.