|

ลูกเขย"ชัย"ลุยอสังหาฯ
ผู้จัดการรายวัน(9 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ลูกเขย ชัย โสภณพนิช "สุเมธ สุขพันธ์โพธาราม" โดดลงแข่งธุรกิจอสังหาฯ หลังประสบความสำเร็จโครงการแรกพหล เมทโทร คอนโดมิเนียม ขายหมดภายใน 3 เดือน ล่าสุดร่วมทุนกลุ่มปราณีภัณฑ์ ผุดคอนโดฯ สูง 28 ชั้นย่านลาดพร้าว ซ.12 ขาย 50,000 บาท/ตร.ม. มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท พร้อมร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่นปราณบุรีพัฒนาบ้านเดี่ยว-แฝด 45 หลัง พร้อมเล็งหาที่ดินพัฒนาโครงการต่อเนื่อง
ในยุคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่เกิดขึ้นได้ยากในภาวะเช่นนี้ ซึ่งคนที่จะเกิดใหม่ได้จริงๆจะต้องมีความสามารถมาก รวมไปถึงมีเงินทุนในการพัฒนา จึงจะประสบความสำเร็จได้
โดยผู้ประกอบการหน้าใหม่อย่าง นายสุเมธ สุขพันธ์โพธาราม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภราช กรุ๊ป เปิดเผยถึงการเข้ามาดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า จากความเป็นสถาปนิกและได้ทำงานในอเมริกา มากว่า 5 ปี ซึ่งเกี่ยวกับการออกแบบอาคารสูงเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นได้เข้ามาเปิดบริษัทรับออกแบบและตกแต่งภายใน ภายใต้ชื่อ ทีเอ็ม ดีไซน์ จำกัด ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับวงการอสังหาฯอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หากมองอีกด้านหนึ่งแล้วสุเมธ สุขพันธ์โพธาราม ผู้นี้มีศักดิ์เป็นลูกเขยของนายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทกรุงเทพประกันภัยจำกัด (มหาชน) ซึ่งการันตีได้ว่าบริษัทนี้มีฐานะมั่นคงเพียงใด อย่างไรก็ตามต้อง ความสำเร็จของโครงการจะเป็นเครื่องมือวัดความสามารถของผู้บริหารหนุ่มคนนี้
ทั้งนี้ในช่วงปี 2546 ได้เห็นทิศทางของตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มที่ดี จึงได้เริ่มดำเนินการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เมื่อปี 2547 ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท พัฒนาโครงการแรกเมื่อปี 2546 ภายใต้ชื่อ "พหล เมทโทร คอนโดมิเนียม" ในนามบริษัท ศุภราช สวีท เพลส จำกัด ที่ตั้งโครงการใน ซ.พหลโยธิน 14 บนพื้นที่ 1 ไร่ จำนวน 164 ยูนิต ราคาขาย 30,000 บาท/ตร.ม. เริ่มต้นที่ 1.2 ล้านบาท ขายหมดภายใน 3 เดือน
โครงการดังลก่าวถือว่าเป็นโครงการคอนโดฯระดับกลางโครงการแรกๆในย่านนั้น ซึ่งมีความต้องการมากทำให้ปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นก็มีผู้ประกอบการหลายรายเข้าไปพัฒนา ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้ก่อสร้างไปแล้วกว่า 99% เหลือเพียงตกแต่งภายในและขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยส่งมอบ
สำหรับแผนการพัฒนาของบริษัทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการโครงการคอนโดฯแห่งใหม่ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัท อินสไตส์ เอทเตท พาร์ค จำกัด ของนายพีระศักดิ์ กลิ่นสุนทร กลุ่ม "ปราณีภัณฑ์" ในนามบริษัท "ศุภราช อินสไตส์ เวนเจอร์ จำกัด" ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดยศุภราชถือหุ้น 70% ส่วนที่เหลือเป็นของอินสไตส์ฯ โดยจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ในลาดพร้าว ซ.12 บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่
ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบโครงการ โดยในเบื้องต้นจะพัฒนาเป็นตึกสูง 27-28 ชั้น ขนาดห้อง 33-90 ตร.ม. ราคาขายตร.ม.ละประมาณ 50,000 บาท หรือเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ประมาณไตรมาส 2 ของปีนี้
นายสุเมธกล่าวว่า การร่วมทุนดังกล่าว เนื่องจากเป็นเพื่อนกับนายพีรศักดิ์ อีกทั้งยังมีความสนใจในที่ดินแปลงดังกล่าวด้วยกัน ทำให้ตัดสินใจร่วมลงทุน นอกจากนี้ยังต้องการความชำนาญของอินสไตส์ฯ ที่มีการพัฒนาคอนโดมิเนียมมาหลายโครงการ
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทมีความยืดหยุ่นด้านการลงทุน ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งการเติบโต ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ในทุกรูปแบบทั้งลงทุนเองและการร่วมทุน ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของความเสี่ยงต่ำ ความเป็นไปได้ของโครงการ โดยการลงทุนในกรุงเทพฯ จะยึดการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในเขตเมืองเป็นหลัก ส่วนแนวราบนั้นยังไม่มีความสนใจในขณะนี้
ส่วนการลงทุนในกรุงเทพฯ บริษัทจะเน้นเฉพาะตึกหรือคอนโดมิเนียมระดับกลาง เนื่องจากมองว่าตลาดนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี อีกทั้งเป็นฐานกลุ่มลูกค้าที่ให้ที่สุดของตลาด แต่การพัฒนาจะต้องอิงไปกับแนวรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะเป็นที่ต้องการมากที่สุด นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการต่อไปแต่ยังระบุไม่ได้ว่าจะลงทุนเองหรือใช้วิธีร่วมทุน
"สมัยนี้การทำธุรกิจต้องฉลาด หมดยุคเก่าที่ขายกระดาษไปแล้ว คนที่เข้ามาใหม่ต้องมีการศึกษาตลาด พัฒนาสินค้าคุณภาพ และต้องมีแบล็คอัพที่ดี มีความพร้อม ลูกค้าเค้าฉลาดเค้าจะเป็นคนเลือกเองว่าต้องการบ้านแบบไหน ดังนั้นต้องพัฒนาสินค้าที่ตรงใจลูกค้าจึงจะประสบความสำเร็จ" นายสุเมธกล่าว
สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาฯ เชื่อว่าน่าจะกระเตื้องกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งนักพัฒนาที่พัฒนาสินค้าขนาดห้องที่เหมาะสม ราคา โลเคชั่นที่ดีย่อมประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามปัญหาในการพัฒนาของผู้ประกอบการคือ กฎหมายสีของผังเมือง ที่บางพื้นที่ไม่สามารถก่อสร้างตึกสูงได้ทำให้สัดส่วนในการก่อสร้างลดลง ในขณะที่ต้นทุนด้านที่ดินสูง ทำให้ก่อสร้างไม่ได้
นอกจากนี้บริษัทยังได้ร่วมทุนกับนักลงทุนที่อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในนามบริษัท เพลินบุรี จำกัด ทุนจดทะเบียน 35 ล้านบาท ศุภราชถือหุ้น 60% ในการพัฒนาบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด โดยมีพื้นที่ติดหาด ใกล้กับโครงการเอวาซอน บนเนื้อที่ 9 ไร่ จำนวน 45 ยูนิต ราคาประมาณ 6-9 ล้านบาท โดยจะมีบ้านบางส่วนที่เห็นวิวทะเล ขนาดบ้านเริ่มตั้งแต่ 50 ตร.ว.
"การหาที่ดินที่ปราณบุรี หรือหัวหินแทบจะไม่มีอีกแล้ว ดังนั้นการขยายการพัฒนาจึงเริ่มออกไปทางเขาเต่า หรือไม่มีพื้นที่ติดทะเล และการที่ซื้อบ้านติดทะเลราคาจะแพงมาก ถูกสุดก็ 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนที่เราได้ที่ดินมาทำเพราะหุ้นส่วนเป็นนักพัฒนาในย่านนั้นอยู่แล้วทำให้หาที่ดินเข้ามาได้ และขายบ้านได้ในราคาไม่เกิน 9 ล้านบาท" นายสุเมธกล่าว
สำหรับบริษัท ที่เอ็ม ดีไซน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท รับออกแบบและตกแต่งภายใน ที่ผ่านมาได้ออกแบบให้กับหลายโครงการ อาทิ โครงการ ปิยาลัย รีสอร์ท ป่าตอง โดยเป็นโครงการ บ้านเดี่ยว วิลล่า คอนโดมิเนียม ซึ่งบริษัทรับออกแบบในส่วนของคอนโดมิเนียม ภายใต้ชื่อ ไตรตรัง เวเคชั่น คลับ ก่อสร้างเป็นแบบคอนโดมิเนียม 2 ชั้นเล่นระดับ แบบโมเดิร์น และวิลล่า ภายใต้ชื่อปิยาลัย รีสอร์ท จำนวน 40 หลัง บริษัทออกแบบในส่วนของหลังพิเศษ 1 หลัง ราคาขายกว่า 5-6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ ของโครงการและของภูเก็ตเลยก็ว่าได้ โดยโครงการนี้ได้ชะลอไปชั่วคราวหลังเกิดสึนามิ และคาดว่าจะเริ่มเปิดตัวได้ในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ยังได้ออกแบบและตกแต่งภายในให้กับโครงการ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จำนวน 70 ยูนิต ของกลุ่มซิตี้ รีสอร์ท ในซ.สุขุมวิท 39 โครงการนี้เจาะกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น ดังนั้นการตกแต่งภายในจึงเป็นสไตล์ญี่ปุ่นทั้งหมด ซึ่งลูกค้าจะไม่เน้นห้องขนาดใหญ่ แต่จะต้องมีการจัดวางที่เป็นสัดส่วนลงตัว นอกจากนี้ยังตกแต่งภายในสำนักงานใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|