|

รพ.เอกชลกู้เงินธ.กรุงเทพ300ล.รพ.เอกชลกู้เงินธ.กรุงเทพ300ล.
ผู้จัดการรายวัน(5 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
โรงพยาบาลเอกชล รับโอนทรัพย์สินของบริษัท ศุภมิตรเวชการ จำกัด เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราว ระบุกู้เงินจากแบงก์กรุงเทพ เพื่อชำระมูลค่ารวม 300 ล้านบาท
นางพจนา มาโนช รองประธานกรรมการ บริษัท โรงพยาบาลเอกชล จำกัด (มหาชน) หรือ AHC กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2548 บริษัทได้ดำเนินการซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินของบริษัท ศุภมิตรเวชการ จำกัด ตามข้อตกลงในราคา 310 ล้านบาท ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี เรียบร้อยแล้ว โดยทางบริษัทได้นำเงินหมุนเวียน จำนวน 10 ล้านบาท และกู้เงินจากธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด (มหาชน) จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อชำระราคาค่าทรัพย์สินดังกล่าว
โดยรายละเอียดของการกู้เงินจำนวน 300 ล้านบาท มีระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ภายใน 8 ปี โดยชำระดอกเบี้ยจ่ายเดือนละ 1 ครั้ง ในอัตรา 2 ปีแรก อัตราดอกเบี้ย MLR ลบ ร้อยละ 1.00 ต่อปี หลังจากครบกำหนด 2 ปี อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ MLR ลบ ร้อยละ 0.50 ต่อปี และเมื่อครบกำหนด 5 ปี เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย MLR ลบ ร้อยละ 0.25 ต่อปี
สำหรับการซื้อทรัพย์สินของบริษัท ศุภมิตรเวชการ จำกัด ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการและที่ประชุมผู้ถือหุ้นมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่บริษัท ศุภมิตรเวชการ จำกัด มีกรณีพิพาทเกี่ยวกับการโอนกิจการ กับนางวิไลวรรณ ยอดศรี ซึ่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัท และเป็นคดีอยู่ที่ศาลจังหวัดชลบุรีคดีหมายเลขดำที่ 1702/2548 ระหว่างนางวิไลวรรณ ยอดศรี โจทก์ กับ นายบุญชัย ผลิตวานนท์ ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน
จากเหตุการณ์ดังกล่าว คณะกรรมการบริษัท โรงพยาบาลเอกชล จำกัด (มหาชน) จึงได้ชะลอการซื้อเพื่อรอฟังคำสั่งศาลเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2548 ศาลจังหวัดชลบุรี ได้มีคำสั่งเพิกถอนการขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวของโจทก์โดยให้เหตุผลว่า หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในการโอนขายทรัพย์สินของบริษัท ศุภมิตรเวชการ จำกัด ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ซึ่งโจทก์เองอาจไม่สามารถเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ แต่หากมีปัญหาโอนทรัพย์สินไปโดยมิชอบโจทก์ก็ย่อมอยู่ในฐานะที่จะเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามรับผิดชอบตามกฎหมายได้อยู่แล้ว เมื่อพิจารณาถึงความเสียหายและความรับผิดที่จะเกิดขึ้น จึงเห็นควรยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเสีย
ดังนั้น คณะกรรมการ AHC จึงได้ปรึกษากับที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท เพื่อพิจารณาว่า บริษัทสามารถเข้าซื้อทรัพย์สินของบริษัท ศุภมิตรเวชการ จำกัด ได้หรือไม่ ซึ่งที่ปรึกษากฎหมายได้ให้ความเห็นว่า เมื่อศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท ศุภมิตรเวชการ จำกัด ดำเนินการ โอนขายทรัพย์สินได้ บริษัท โรงพยาบาลเอกชล จำกัด (มหาชน) ก็สามารถเข้าซื้อทรัพย์สินดังกล่าวได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ และถือว่าเป็นผู้ซื้อโดยสุจริต บริษัทจึงได้ดำเนินการซื้อทรัพย์สินของบริษัทดังกล่าวต่อไป
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|