|

ไอเอ็นจีพุ่งเป้าลุยตั๋วP/Nแบงก์ หลังพันธบัตรถูกเงินฝากไล่บี้
ผู้จัดการรายวัน(5 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ไอเอ็นจีปรับกลยุทธ์กองทุนตราสารหนี้ เบนเข็มไปลงทุนกับตั๋ว P/N ของแบงก์พาณิชย์ หลังพันธบัตรรัฐบาลโดนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขยับไล่หลัง พร้อมทั้งชูผลตอบแทนที่เหนือกว่า ระบุเตรียมส่งกองทุนแรกอายุ 1 ปีประเดิมช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ ต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี หากอัตราดอกเบี้ยขยับขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว เผยพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นยังไม่ทิ้ง เดินหน้าลุยต่อจนจบไตรมาสแรกของปีนี้
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะยังเน้นออกกองทุนประเภทตราสารหนี้ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกองทุนอายุช่วง 6 เดือนและอายุ 1 ปี เนื่องจากเชื่อว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และผู้ลงทุนยังนิยมลงทุนผ่านกองทุนในช่วงอายุดังกล่าวด้วย
โดยในระหว่างวันที่ 5-12 มกราคม 2549 นี้ บริษัทจะเปิดขายกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย พันธบัตร ระยะสั้น 5 ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ทั้งตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล ที่มีอายุประมาณ 6 เดือน หลังจากที่ได้เปิดขายกองทุนดังกล่าวมาแล้วทั้งหมด 4 กองทุนและจะเปิดขายกองใหม่ต่อเนื่องทุกเดือนไปจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือนบริษัทมีแผน ที่จะเปิดขายหน่วยลงทุนสำหรับกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย พันธบัตร 02/08 ออโต้โบนัส ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้อายุประมาณ 2 ปี โดยยังคงเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลัง ทั้งนี้ กองทุนจะมีการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี
"ช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ เชื่อว่าธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอาร์/พีอีก 0.25% หลังจากนั้นจะขึ้นอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของธปท. และมีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยอาจจะปรับขึ้นสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งช่วงที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารเองก็ปรับขึ้นไล่หลังมาเรื่อยๆ ทำให้เงินลงทุนที่ล็อกอายุเอาไว้สั้นๆ อาจจะทำให้ความสนใจลดน้อยลง" นายจุมพลกล่าว
นายจุมพล กล่าวว่า จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง การออกกองทุนตราสารหนี้ของบริษัทจะปรับกลยุทธ์จากการเน้นพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลักในช่วงก่อนหน้านี้ มาให้ความสำคัญกับตราสารทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ (ตั๋วสัญญาใช้เงินหรือ P/N) มากขึ้น เนื่องจากเป็นตราสารที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากไล่หลังขยับขึ้นมาในระดับใกล้เคียงกัน โดยปัจจุบันพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 ปี ให้ผลตอบแทนประมาณ 4.38% ในขณะที่ตราสารทางการเงินของธนาคารพาณิชย์อายุ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5%
อย่างไรก็ตาม ตราสารทางการเงินของธนาคาร พาณิชย์อาจจะมีความเสี่ยงมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลในระดับหนึ่ง แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นกู้หรือตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทเอกชน (บี/อี) ที่มีความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้อย่างเช่นที่เกิดในช่วงที่ผ่านมากับบริษัทจดทะเบียนรายหนึ่ง ซึ่งการลงทุนในตราสารทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินอีกรูปแบบหนึ่งนอกเหนือจากพันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลัง
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทจะเริ่มออกกองทุนใหม่ที่เน้นลงทุนในตราสารทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวเป็นหลัก โดยจะมีการผสมผสานระหว่างตราสารภาครัฐเข้าไปด้วย เพื่อไม่ให้ผู้ลงทุนเสียโอกาสหากอัตราดอกเบี้ยยังปรับขึ้นต่อไปอีก ซึ่งลักษณะของกองทุนจะมีอายุประมาณ 1 ปี และจะเปิดขายหน่วยลงทุนต่อเนื่องตลอดทั้งปี หรืออย่างน้อยจนถึงไตรมาส 2 ของปีนี้ เพื่อรอประเมินอัตราดอกเบี้ยว่าจะขยับขึ้นไปสูงสุดในช่วงดังกล่าวหรือไม่ แต่ถ้าหากยังขยับต่อไปอีกก็กลับมาเน้นลงทุนพันธบัตรรัฐบาลต่อได้
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|