หุ้นใหม่ 48 ดันตลาดโตกว่า1แสนล้าน


ผู้จัดการรายวัน(4 มกราคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดหลักทรัพย์ฯ สรุปจำนวนบริษัทจดทะเบียนในปี 2548 เพิ่มขึ้น 36 บริษัท ได้เข้าระดมทุนรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท รวมมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ ราคาไอพีโอของบริษัทเข้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่าแสนล้านบาท เผยหุ้นเข้าใหม่ กว่าครึ่งราคาปิดวันแรกสูงกว่าราคาจอง โดยมี 22 บริษัทให้กำไรเฉลี่ยถึงร้อยละ 22.2 นำโดยสหมิตรเครื่องกล เพิ่มสินสตีลเวิคส์ และโซลาร์ตรอน

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2548 มีบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่รวมทั้งหมด 36 แห่ง ซึ่งได้มีการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) รวมถึง 30,150 ล้านบาท โดยมูลค่าหลัก-ทรัพย์รวมตามราคาตลาด ณ ราคา ไอพีโอของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใหม่ในปีนี้มีมูลค่ารวม 110,948 ล้านบาท (ไม่รวม บมจ. ปตท. เคมิคอล ซึ่งมิได้ทำไอพีโอ) หมวดธุรกิจที่มีบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่สูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ หมวดวัสดุก่อสร้าง 8 บริษัท หมวด ยานยนต์ 7 บริษัท และหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และหมวดเงินทุนหลักทรัพย์เท่ากัน 5 บริษัท

"บริษัทเข้าจดทะเบียนที่เข้าใหม่ในปี 2548 นี้ มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ ราคาไอพีโอเฉลี่ยบริษัทละ 3,170 ล้านบาท และมีการระดมทุนโดยเฉลี่ยแห่งละประมาณ 860 ล้านบาท สำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นับว่าได้มีการ ขยายธุรกิจและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2548 ที่ผ่านมาได้มีการระดมทุนผ่านตลาดทุนกว่า 76,000 ล้านบาท" รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทที่เข้าจดทะเบียนใหม่ 4 แห่ง ยังมีคุณสมบัติเหมาะสมได้รับคัดเลือกในการคำนวณดัชนี SET100 สำหรับช่วงครึ่งปีแรกปี 2549 ด้วยคือ บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) บมจ.ยานภัณฑ์ (YNP) บมจ. สมบูรณ์แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) และบมจ. น้ำตาลขอนแก่น (KSL) แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนที่มีสภาพคล่องและมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่สูง
รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวถึงผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้นเข้าใหม่ในวันแรกที่เข้าซื้อขาย คำนวณจากราคาปิด ณ วันซื้อขายวันแรก เทียบกับราคาไอพีโอ ปรากฏ ว่าหุ้นเข้าใหม่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในวันแรกเท่ากับร้อยละ 10.64 โดยมี 22 บริษัทที่ให้ผลกำไรแก่ผู้ลงทุนในวันแรกที่เข้าซื้อขายในอัตรากำไรเฉลี่ยร้อยละ 22.2 ส่วนบริษัทที่ให้ผลขาดทุนในวันแรกที่เข้า ซื้อขายมีจำนวน 13 บริษัท ขาดทุน เฉลี่ยร้อยละ 8.93

สำหรับบริษัทเข้าใหม่ในปี 2548 ที่ให้ผลตอบแทนในวันแรกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.สหมิตรเครื่องกล (ร้อยละ 90) บมจ.เพิ่มสิน สตีลเวิคส์ (ร้อยละ 54) บมจ. โซลาร์ ตรอน (ร้อยละ 45) บมจ.ไทยสตีล เคเบิล (ร้อยละ 45) และบมจ.ไทย ยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ (ร้อยละ 41)

นางสาวโสภาวดีกล่าวด้วยว่า "ในปี 2548 นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก เพื่อชักชวนบริษัทที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียน โดยร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรเข้าพบและแนะนำข้อมูลแก่ บริษัทต่างๆ แล้ว 380 บริษัท ซึ่งนอกเหนือจากบริษัทที่ได้เข้าซื้อขาย แล้ว ขณะนี้มีบริษัท 22 แห่งที่ได้ยื่น คำขอเข้าจดทะเบียนและอยู่ระหว่าง ดำเนินการเพื่อเข้าจดทะเบียน"

นอกเหนือจากการสนับสนุนบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนเดิมให้ใช้เครื่องมือทางการ เงินสร้างสภาพคล่องของหลักทรัพย์ และยังประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นและบริษัทจดทะเบียนเอง โดยในปี 2548 (ข้อมูลสิ้นสุด 30 พ.ย.) มีบริษัทจดทะเบียน 23 แห่งที่มีการแตกมูลค่าที่ตราไว้ (แตกพาร์) และ 16 บริษัทที่มีการจ่ายหุ้นปันผล (stock divided) ซึ่งนับเป็นการช่วยเพิ่มจำนวนหุ้นที่หมุนเวียน และยังเป็นแนวทางในการเสริมสภาพคล่องของบริษัทด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.