"โคคา-โคลา" ผนึก "เนสท์เล่" ลุยตลาดกาแฟกระป๋อง


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2540)



กลับสู่หน้าหลัก

เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ณ สหรัฐอเมริกา ทั้งบริษัท โคคา-โคลา จำกัด และบริษัท เนสท์เล่ จำกัด ได้ประกาศผนึกกำลังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันนั้นโดยอาศัยความแข็งแกร่งของบริษัท โคคา-โคลา ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีระบบการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ผนึกกับบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารอย่างเนสท์เล่ เป็นผลให้การดำเนินธุรกิจของทั้ง 2 บริษัทประสบความสำเร็จไปทั่วโลก โดยในเบื้องต้นได้ลงทุนร่วมกันในการผลิตและจำหน่ายชาพร้อมดื่มจำหน่ายใน 30 กว่าประเทศทั่วโลก รวมทั้งได้ร่วมกันดำเนินธุรกิจกาแฟกระป๋องด้วย สำหรับประเทศในแถบเอเชียทั้ง 2 บริษัท ได้ดำเนินธุรกิจร่วมกันในประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี สิงคโปร์ ฮ่องกง-มาเก๊า และมาเลเซีย ล่าสุด ทั้ง 2 บริษัทได้ตระหนักถึงความน่าเชื่อถือ และชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ในประเทศไทยที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ยี่ห้อต่างๆ เช่น เนสท์กาแฟ คอฟฟี่เมท นมตราหมี ไมโลและแม็กกี้ เป็นต้น และมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 80% ประกอบกับศักยภาพการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำอัดลมในไทยและความชำนาญด้านการจัดจำหน่ายของโคคา-โคลา ในประเทศไทยที่มีมานานร่วม 50 ปี จึงได้มีการร่วมทุนจัดตั้งบริษัท โคคา-โคลา เนสท์เล่ เบเวอเรจ (ประเทศไทย) ขึ้น โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท โคคา-โคลา เซาท์ เอเชีย โฮลดิ้ง ในสัดส่วน 51% และบริษัทเนสท์เล่ (ประเทศไทย) 49%

เครื่องดื่ม "โค้ก" ได้เริ่มจัดจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2491 โดยมีโรงงานผลิตและบรรจุภัณฑ์แห่งแรกที่หลานหลวง โดยธุรกิจได้มีการพัฒนาและขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จนกระทั่ง ปี'39 ที่ผ่านมา "โค้ก" ได้มียอดขายสูงขึ้นถึง 11% และส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยสูงถึง 58%

"กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของทั้ง 2 บริษัทนี้มีลักษณะเหมือนกันทั่วโลกคือ นำจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัทมาประสานกัน ซึ่งถือเป็นความคุ้มค่าในการลงทุน โดยเฉพาะในแง่ของความสามารถในการแข่งขัน" เคิร์ก วีลเลอร์ ผู้จัดการภูมิภาคประจำประเทศไทย แห่ง โคคา-โคลา (ประเทศไทย) กล่าว ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวก็คือ "จุดแข็งด้านการจัดจำหน่ายของโคคา-โคลา ร่วมกับจุดแข็งในรสชาติกาแฟของเนสท์เล่" นั่นเอง

นอกจากนั้น วีลเลอร์ ยังเล่าความเป็นมาของการร่วมทุนครั้งนี้ด้วยว่า "การร่วมทุนของทั้ง 2 บริษัทในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายระดับโลกของทั้ง 2 บริษัท เพื่อเพิ่มและรักษาผลประโยชน์แก่ลูกค้าและผู้บริโภค โดยเฉพาะนโยบายระยะยาวในการดำเนินการและพัฒนาธุรกิจเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์"

และเพื่อเป็นการตอกย้ำความร่วมมือครั้งสำคัญในตลาดเครื่องดื่มไทย "โคคา-โคลา เนสท์เล่ เบเวอเรจ (ประเทศไทย)" จึงได้เปิดตัวเครื่องดื่มกาแฟสำเร็จรูปชนิดกระป๋อง 2 รสชาติ ได้แก่ "เนสกาแฟ เอ็กซ์ตร้า" และ "เนสกาแฟ คาเฟโอเล" ด้วยรูปโฉมที่สะดุดตา โดย "เนสกาแฟเอ็กซ์ตร้า" เป็นกาแฟรสชาติอร่อยเข้มหอมรสกาแฟแท้ ซึ่งบรรจุอยู่ในกระป๋องสีเขียวสดใส มีตราสัญลักษณ์ "NESCAFE" เป็นแนวตั้ง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟรสเข้มข้น ส่วน "เนสกาแฟ คาเฟ โอเล" ในกระป๋องสีทอง เป็นกาแฟที่มีรสชาติหอมมัน กลมกล่อม เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความอร่อย หวานมันของกาแฟเย็น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้ถือเป็นการบุกตลาดกาแฟกระป๋องที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่งทีเดียว

"ด้วยคุณสมบัติสุดยอดของทั้ง 2 บริษัท จะทำให้เราก้าวเป็นผู้นำในตลาดกาแฟสำเร็จรูปพร้อมดื่มประเภทกระป๋องของไทย และเราก็มีความเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์ของเราจะมีอัตราเติบโตถึงปีละ 50% ในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้านี้อย่างแน่นอน" วีลเลอร์กล่าวอย่างเชื่อมั่น

นอกจากนี้ โทมัสเอส โคลีย์ ประธานกรรมการบริหารเนสท์เล่ (ประเทศไทย) ก็ได้กล่าวด้วยความมั่นใจเช่นเดียวกันว่า "จากชื่อเสียงและภาพพจน์ของเนสกาแฟ ผนวกกับราคาที่เหมาะสมภายใต้การร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้เราเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดกาแฟพร้อมดื่มนี้แน่นอน"

ซึ่งผลจากการสำรวจตลาดก่อนที่จะมีการออกตัวผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ก็พบว่า ผู้บริโภคต่างก็ชื่นชอบในรสชาติของเนสกาแฟ เอ็กซ์ตร้า และเนสกาแฟ คาเฟ โอเล มากกว่าของคู่แข่งรายอื่น อีกทั้งตลาดกาแฟในเมืองไทยยังเล็กมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียด้วยกัน โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่เกาหลี โดยมีอัตราการบริโภคสูงถึง 300 แก้วต่อคนต่อปี รองลงมาก็คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฟิลิปปินส์ ส่วนในประเทศไทยปริมาณการบริโภคกาแฟมีเพียง 60 แก้วต่อคนต่อปีซึ่งนับว่าเป็นอัตราส่วนที่น้อยมาก จึงเป็นโอกาสที่ดีทางการตลาดของ "เนสกาแฟเอ็กซ์ตร้า" และ "เนสกาแฟ คาเฟ โอเล" ที่จะรุกตลาดกาแฟสำเร็จรูปพร้อมดื่มประเภทกระป๋องให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้โดยไม่ยากนัก



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.