|
ค้าปลีกพัทยายอมยกธงให้ห้างฯส่วนกลาง ชี้นโยบายเปิดเสรีตัวการใหญ่ทำให้แห่ลงทุน
ผู้จัดการรายวัน(2 มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
กลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ และห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นในพื้นที่เมืองพัทยา ประกาศยกธงขาวให้ห้างสรรพสินค้าและศูนย์เอนเตอร์เทนเมนต์ จากส่วนกลางที่ในปี 49 จะแห่ปูพรมผุดสาขาครอบคลุมพื้นที่โดยรอบ ทั้งห้างฯเซ็นทรัล เมเจอร์ ฯลฯ เผยทางรอด คือ การไม่แข่งขันด้านลงทุน แต่หันมารักษา ฐานลูกค้าเก่าให้แน่น ขณะที่ปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลให้ทุนต่างถิ่นแห่ยึดทำเลทองโดยรอบ เป็นเพราะนโยบายเปิดการค้าเสรีของรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของธุรกิจในระดับรากหญ้า
นายสุรัตน์ เมฆะวรากุล ประธานกรรมการบริหาร ห้างสรรพสินค้าไมค์ ชอปปิ้งมอลล์ พัทยา ซึ่งเปิดให้บริการในเขตเมืองพัทยานานนับสิบปีเปิดเผยถึง การขยายการลงทุนเข้ามาในเขตพื้นที่เมืองพัทยาของห้างสรรพสินค้าส่วนกลางว่า ในปี 2549 กลุ่มเซ็นทรัลจะเริ่มก่อสร้างห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาพัทยา หลังซื้อที่ดินกว่า 10 ไร่ มูลค่า รวมกว่า 800 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างดีพาร์ตเมนต์สโตร์ บริเวณถนนเลียบชายหาดพัทยา
นอกจากนี้ กลุ่มเมเจอร์ยังเข้าเทกโอเวอร์โรงแรมปาล์ม รีสอร์ต พัทยาใต้ เพื่อก่อสร้างโรงภาพยนตร์และศูนย์การค้า ขนาดใหญ่ รองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
การเข้ามาของกลุ่มผู้ประกอบการต่างถิ่นขนาดใหญ่ทั้งที่เกิดจากการลงทุนของคนไทยเองทั้งหมด และการร่วมทุนกับต่างชาติทั้งในอดีตและที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น
ส่วนสำคัญมาจากนโยบายเปิดการค้าเสรีของรัฐบาล ที่สนับสนุนให้มีการลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับธุรกิจ ในระดับรากหญ้า เห็นได้จากในช่วง ที่ผ่าน มา เมืองพัทยามีห้างสรรพสินค้า เทสโก้โลตัส ในระยะทางไม่ห่างกันถึง 2 สาขา มี ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่จากส่วนกลางจำนวนมาก ไม่นับรวมที่จะเกิดขึ้นอีกมาก
ผลจากการขยายการลงทุนในพื้นที่ที่มีจำกัด และมีกลุ่มผู้ซื้อจำนวนไม่มาก ย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในพื้นที่ และยังส่งผลกระทบต่อปัญหาการจราจรในจุดที่มีห้าง สรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งปัจจุบันพัทยามีปัญหาเรื่องการจราจรหนักอยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้นยังเกิดปัญหาด้านสิ่งแวด ล้อมที่ตามมาจากการขยายตัวของจำนวน สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่
"ค้าปลีกท้องถิ่นพัทยา มีสัญญาณอันตรายมาเรื่อยๆ เพราะทุนใหญ่เข้ามาขุดทองกันเยอะ นโยบายเปิดเสรีทางการค้าจนเกินไปของรัฐบาลไม่เพียงส่งผลกระทบเฉพาะไมค์ ชอปปิ้งมอลล์เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการท้องถิ่นอื่นๆ ทุกวันนี้ผมยอมแพ้รัฐบาล ยอมแพ้การเปิดเสรี เราคงทำอะไรไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำได้คือความพยายามในการรักษาฐานลูกค้าเดิม โดยเลี่ยงการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะเป็นการแข่งขันกับทุนส่วนกลาง"
นายสุรัตน์ ยังเผยถึงการดำเนินงาน ของห้างฯ ไมค์ ชอปปิ้งมอลล์ในปี 2549 ว่ายังคงใช้งบประมาณบางส่วนปรับปรุงพื้นที่ และจัดรายการโปรโมชัน แต่การลงทุนขนาดใหญ่ในธุรกิจห้างฯ คงไม่เกิดขึ้น โดยการป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจก็คือการหันไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ แทน ส่วนการแข่งขันในธุรกิจห้างสรรพสินค้าคาดว่าในปี 2549 จะรุนแรงเพราะเมื่อมีการ เปิดห้างฯใหม่ ย่อมหมายถึงการแชร์ส่วนแบ่งการตลาดที่มีอยู่เท่าเดิมให้กระจายไปยังผู้ประกอบการอื่นๆ อย่างทั่วถึง
ขณะที่นายสมควร นกหงษ์ ประธาน กรรมการบริหาร บริษัท ศรีราชเทพประทาน จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าตึกคอม สาขาศรีราชา พัทยา และขอนแก่น ศูนย์รวมสินค้าไอทีครบวงจรที่เผยถึง การเช่าพื้นที่เพื่อจำหน่ายสินค้าไอทีของเจ้าของสินค้าต่างๆ ว่า ขณะนี้ทั้ง 3 สาขาถูกจองเต็มหมดแล้ว ซึ่งการบริหารในส่วน ของศูนย์ไอทีไม่ถือว่ามีปัญหา แต่สำหรับธุรกิจค้าปลีกในปี 2549 ห้างสรรพสินค้าลักษณะโมเดิร์นเทรดจะเริ่มกระจุกตัว ทาง อยู่รอดของผู้ประกอบการท้องถิ่นคือการพยายามปรับตัวเพื่อสร้างแรงดึงดูดนักชอป การลงทุนเรื่องไฟ เพื่อสร้างสีสันในการ จับจ่าย แต่ควรเลี่ยงการลงทุนขนาดใหญ่
ด้านนายอมร อมรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอยัล การ์เด้น พลาซ่า พัทยา จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้ารอยัล การ์เด้น พลาซ่า พัทยา ที่เปิดให้บริการในพื้นที่เมืองพัทยาเป็นเวลานานถึง 12 ปีเผยถึงตลาด RETAIL (ค้าปลีก) ในเมือง พัทยาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ช่วงระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา พัทยามีห้างสรรพสินค้าและ ซูเปอร์มาร์เกตใหม่เกิดขึ้นมาก แต่ความ สำเร็จของแต่ละที่มีมากน้อยต่างกัน โดย ในปี 2549 ตลาด RETAIL จะขยายตัวอีก มาก จากการเข้ามาของกลุ่มนักลงทุนส่วน กลางที่เริ่มขยายพื้นที่ให้บริการพลาซ่าในรูปแบบศูนย์เอนเตอร์เทนเมนต์ เพราะตลาดกรุงเทพฯอิ่มตัวได้ประมาณ 5 ปีแล้ว
โดยพัทยา ยังเป็นเค้กก้อนโตที่สามารถแชร์ตลาดได้ รอยัล การ์เด้น พลาซ่าจึงต้องสร้างจุดแข็งสำคัญ และชูข้อได้เปรียบที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดก่อน เพื่อรักษาภาพของการเป็นสัญลักษณ์แห่ง การนัดพบในเมืองพัทยา
ทั้งนี้จุดแข็งสำคัญของศูนย์การค้ารอยัล การ์เด้น พลาซ่า พัทยา ที่จะใช้เป็น ตัวทำตลาดในปี 2549 คือความพร้อมของ การเป็นแหล่งชอปปิ้งที่มีสินค้าแบรนด์เนม หลากหลายยี่ห้อ และในแต่ละปียังใช้งบประมาณสูงถึง 20 ล้านบาท เพื่อทำประชาสัมพันธ์และทำการตลาด
ทั้งนี้ การเปิดให้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ จะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใช้บริการมากขึ้น จึงต้องเตรียมความ พร้อมด้วยการวางแผนงานที่มีอยู่ก่อนให้เป็นไปอย่างดี ทั้งการจัดโซนร้านค้าเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า เพราะการแข่งขันในตลาดค้าปลีกของพัทยาจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|