|
CP7-11 ควัก 100 ล.ช่วย "ไทยสมาร์ทคาร์ด"
ผู้จัดการรายวัน(30 ธันวาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
CP7-11 ควักทุน 100 ล้านบาท ให้บริษัทร่วมทุน "ไทยสมาร์ทคาร์ด" ยืมเพื่อใช้ลงทุนสำหรับอุปกรณ์ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานปี 49 พร้อมตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนสอนในระดับปริญญา และแต่งตั้งกรรมการใหม่
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการการเงินและลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) (CP7-11) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2548 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2548 ว่าที่ประชุมมีมติอนุมัติการให้ความช่วย เหลือทางการเงินแก่ บริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด จำกัด (TSC) โดยมีความต้องการเงินเพื่อใช้ในการลงทุนสำหรับอุปกรณ์ และเป็นเงินทุน หมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานในช่วงต้นปี 2549 รวมเป็นเงินโดยประมาณ 100 ล้านบาท
โดย TSC เป็นผู้ดำเนินโครงการบัตรเงินสดดิจิตอล (Smart Purse) ที่จะใช้เทคโนโลยีสมาร์ทคาร์ด (Smart Card) ที่มีไมโครโปรเซสเซอร์ชิปหน่วยความจำสูงที่พัฒนาขึ้นเพื่อเก็บเงินลงไปในบัตรสำหรับนำไปใช้ชำระค่าสินค้า/บริการตามร้านค้าต่างๆ แทนเงินสด
ส่งผลให้ TSC มีความต้องการเงินเพื่อใช้ในการลงทุนสำหรับอุปกรณ์ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานในช่วงต้นปี 2549 รวมเป็นเงินประมาณ 100 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องการความช่วยเหลือทางการเงินในจำนวนดังกล่าว CP7-11 เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท TSC ในสัดส่วนร้อยละ 32.24 มีความประสงค์จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ TSC ตามเงื่อนไขการค้าทั่วไป โดยมูลค่าของการให้ความช่วยเหลือไม่เกิน 100 ล้านบาท
สำหรับความสัมพันธ์กับบริษัทจดทะเบียนนั้น TSC มีบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) ถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.76 ถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ตามความหมายของตลาดหลักทรัพย์ฯ และ TRUE มีกรรมการที่เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกันกับกรรมการของ CP7-11 คือนายธนินท์ เจียรวนนท์ นายสุภกิต เจียรวนนท์ และนายอำรุง สรรพสิทธิ์วงศ์ นอกจากนี้นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ยังเป็นกรรมการผู้มีอำนาจควบคุมของ CP7-11และ TSC อีกด้วย
ทั้งนี้ TSC เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง CP7-11 กับธนาคารและบริษัทอื่นๆ ด้วยทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 395 ล้านบาท ประกอบด้วย CP7-11 ถือ 12,735,000 หุ้น คิดเป็น 32.24 % บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือ 4,250,000 หุ้น คิดเป็น 10.76% ธนาคารออมสิน ถือ 7,900,000 หุ้น คิดเป็น 20% บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ถือ 3,950,000 หุ้น คิดเป็น 10% ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ถือ 3,950,000 หุ้น คิดเป็น 10% ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ถือ 3,950,000 หุ้น คิดเป็น 10% ธนาคารนคร หลวงไทย จำกัด (มหาชน) ถือ 395,000 คิดเป็น 1% บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) ถือ 1,185,000 หุ้น คิดเป็น 3% บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ถือ 1,185,000 หุ้นคิดเป็น 3%
รายการดังกล่าวเข้าข่ายเป็นรายการเกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียนในเรื่องรายการความช่วยเหลือทางการเงิน ตามประกาศของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจากเป็นรายการที่บริษัทจดทะเบียน (CP7-11) ให้ความช่วยเหลือการเงินแก่บริษัทอื่น เนื่องจาก CP7-11 ถือหุ้นใน TSC ในสัดส่วนที่มากกว่าบุคคลที่เกี่ยวโยงอื่นๆ ถือหุ้นและมีขนาดมูลค่าของการให้ความช่วยเหลือทางการเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าร้อยละ 0.03 แต่น้อยกว่าร้อยละ 3 ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ (NTA) ของงบการเงินฉบับล่าสุดของ CP7-11 (งบการเงินของ CP7-11 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 มี NTA เท่ากับ 8,045.49 ล้านบาท) ถือเป็นรายการขนาดกลางของรายการที่เกี่ยวโยงกัน
ดังนั้น การตกลงทำรายการจะต้องผ่านการอนุมัติโดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท โดยกรรมการที่มีส่วนได้เสียต้องไม่เข้าร่วมประชุมและออกเสียง และเปิดเผยมติที่ประชุมพร้อมเผยแพร่สารสนเทศตามแบบที่กำหนดต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย CP7-11 จะใช้เงินจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท
ขณะที่ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบเห็นว่าการให้ความช่วยเหลือทางการเงินของ CP7-11 ที่มีต่อ TSC มีความสมเหตุสมผลและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท และคณะกรรมการบริษัทผู้ไม่มีส่วนได้เสีย มีความเห็นว่า การให้ความช่วยเหลือทางการเงินของ CP7-11 ที่มีต่อ TSC มีความสมเหตุสมผลและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท ซึ่งในที่ประชุมได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบว่ารายการนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทเปรียบเสมือนรายการที่ทำกับบุคคลอื่น
พร้อมกับมอบหมายให้นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ และนายอำรุง สรรพสิทธิ์วงศ์ เป็นคณะบุคคลมีอำนาจในการพิจารณากำหนดรายละเอียด เงื่อนไขวิธีการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน และมีอำนาจลงนามในบันทึก และ/หรือข้อตกลง และ/หรือสัญญา ตลอดจนให้มีอำนาจดำเนินการต่างๆตามจำเป็นและสมควรอันเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินดังกล่าว และในวาระนี้กรรมการผู้มีส่วนได้เสีย คือนายธนินท์ เจียรวนนท์ นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ นายอำรุง สรรพสิทธิ์วงศ์ นายณรงค์ เจียรวนนท์ และนายสุภกิต เจียรวนนท์ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมและไม่ได้ออกเสียงลงคะแนนในวาระการประชุมเรื่องนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้แต่งตั้ง นายโกเมน ภัทรภิรมย์ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบแทน ร้อยโทสุชาย เชาว์วิศิษฐ กรรมการที่ลาออก
พร้อมกับมีมติอนุมัติตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนเพื่อสอนในระดับปริญญา และอนุมัติให้บริษัท ศึกษาภิวัฒน์ จำกัด ซึ่งบริษัท ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 99.99 เป็นผู้ขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาดังกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|