|
ตัน กับ เจริญ
โดย
วิรัตน์ แสงทองคำ
นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ตัน กับ เจริญ สองคนนี้กำลังเดินทางมาอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ตัน ภาสกรนที เจ้าของน้ำดื่มชาเขียวและร้านอาหารญี่ปุ่น โออิชิ ตัดสินใจขายกิจการที่เพิ่งสร้างฐานที่ดูมั่นคงแข็งแรงอย่างไม่มีใครทำได้มาไม่ถึง 5 ปีมานี้ ย่อมสร้างความงุนงงต่อผู้คนในสังคมอย่างมากทีเดียว
ความสำเร็จของเขาเป็นเรื่อง "ตื่นตาตื่นใจ" ของผู้คนในสังคมธุรกิจ ถือเป็นคนไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายในช่วงหลังวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ เป็นโมเดลที่ผู้คนให้ความสนใจและศึกษากันอย่างมาก ขณะเดียวกันโมเดลความสำเร็จของเขาก็เป็น ภาพสะท้อนสังคมที่เปลี่ยนไปที่ควรอรรถาธิบายด้วย
เจริญ สิริวัฒนภักดี สร้างฐานธุรกิจมาด้วยความยากลำบากทั้งชีวิต จนกลายเป็น "คนสุดท้าย" ในระบบเศรษฐกิจเก่า ที่มีความสัมพันธ์กับระบบอุปถัมภ์ และสัมปทาน ซึ่งกลายพันธุ์ไปมากแล้วในปัจจุบัน ความสำเร็จของเขาดูมั่นคงและมีรากฐานมากคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น วิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา แม้เขาจะต้องสูญเสียกิจการที่สำคัญไปบ้าง แต่ก็รักษาส่วนสำคัญที่สุดไว้ได้ เขาผ่านช่วงนั้นมาได้และขยายตัวใหม่อย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา จึงดูเหมือนไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเดินทางเข้าสู่จุดเปลี่ยนแปลงหรือหัวเลี้ยวหัวต่อในขณะนี้
ตันเป็นผู้ประกอบการที่มีสัญชาตญาณเฉกเช่นผู้ประกอบการชาวเอเชียทั่วไป ที่กล้าเสี่ยง และมีความสามารถเฉพาะตัว แม้เขาไม่มีพื้นฐานการศึกษาที่ดีเหมือนคนหนุ่มสาวในรุ่นที่สองของชนชั้นนำทางธุรกิจไทย แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า สังคมไทยเปิดโอกาสเสมอสำหรับคนที่มีประสบการณ์เชี่ยวกรำ เขาสร้างและบุกเบิกธุรกิจน้ำดื่มชาเขียว สร้างและยึดตลาดเซกเมนต์ใหม่ มูลค่าหลายพันล้านบาท เป็นตลาดบุคลิกใหม่ที่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ที่สัมพันธ์กับสื่อ เขาใช้เวลาเพียงสั้นๆ นำกิจการเข้าตลาดหุ้น สร้างความมั่งคั่งชั่วข้ามคืน เป็นโมเดลของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เป็นการเดินทางถึงเป้าหมายที่หลายคนใฝ่ฝันได้อย่างกระฉับกระเฉงและรวดเร็ว
แต่ว่าโอกาสที่เปิดมีช่วงเวลาจำกัดมาก ซึ่งได้สร้างข้อจำกัด และความเสี่ยงแก่เขาด้วย ที่สำคัญกว่านั้น ตัน ภาสกรนที รู้สิ่งนั้นดีกว่าคนอื่นๆ
ธุรกิจของเขามีความสัมพันธ์กับฐานผู้บริโภคระดับกว้าง ซึ่งมีความผันแปรอย่างมากที่ว่าด้วยรสนิยม วิถีชีวิต และสื่อ ในอีกด้านหนึ่งธุรกิจนี้เป็นธุรกิจเปิด ใครๆ ก็เข้ามาได้ และเข้ามาได้อย่างรวดเร็วเสียด้วย ความได้เปรียบทางธุรกิจในฐานะผู้มาก่อนของเขามีอายุสั้นมาก ที่สำคัญความสามารถ สัญชาตญาณของเขาส่งต่อให้ทีมงานและคนอื่นๆ ไม่ได้ เวลาของเขาสั้นมาก ที่สร้างทีมงานที่มีความสามารถ คุณค่าของธุรกิจโออิชิอยู่ที่สัญชาตญาณของตันมากทีเดียว ซึ่งนับวันคุณค่าจะค่อยๆ ลดลง และความเสี่ยงมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้น หากเขากระจายความเสี่ยงนี้ออกไป เขาย่อมจะมีเวลามากขึ้น ในขณะที่เขาได้เก็บความมั่นคง ณ เวลาที่อยู่บนยอดคลื่นไว้ เป็นต้นทุนของชีวิตแล้ว
เจริญ สิริวัฒนภักดี รู้มานานแล้วว่า "คุณค่าธุรกิจ" ที่มาจากระบบอุปถัมภ์และสัมปทานไม่คงทน เพราะตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายและรวดเร็วกว่าที่ใครๆ คิดกัน และที่สำคัญมันไม่ใช่สินทรัพย์ที่ส่งต่อให้ทายาทได้ เขาพยายามสร้างเครือข่ายที่มากกว่าสิ่งนั้นมาก่อนแล้วในช่วงก่อนวิกฤติ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
เป็นที่เข้าใจกันว่า ฐานธุรกิจสำคัญที่สุดของเขาอยู่ที่เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ณ วันนี้ เจริญและทีมผู้บริหารมืออาชีพที่ปราดเปรื่องของเขาคงพิเคราะห์แล้วว่า คุณค่าของธุรกิจนี้ที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่ความสามารถการบริหารเครือข่ายการตลาด ไม่น่าจะใช่ตัวสินค้าอีกต่อไป หากเขามีสินค้าที่มีฐานแข็งแรง เข้าเสียบอย่างเหมาะเจาะกับสิ่งที่มีอยู่เดิม ย่อมจะสร้างฐานและขยายธุรกิจที่มั่นคงต่อไป ที่สำคัญกว่านั้น เขาได้เดินทางจากธุรกิจเก่าไปสู่ธุรกิจใหม่ที่มีอนาคตมากขึ้น
ธุรกิจเก่าในความหมายนี้ชัดเจนอยู่แล้ว ธุรกิจที่อิงกับระบบอุปถัมภ์ ซึ่งมีคุณค่าเฉพาะตัว (เจริญ) อย่างมาก ซึ่งนับวันมีทั้งต้นทุน และความเสี่ยงมากขึ้น หากก้าวพ้นไปสู่ธุรกิจที่อาศัยการตลาดระดับกว้างแล้ว ก็ย่อมจะเป็นการ "เปลี่ยนผ่าน" ที่ดี ที่ราบรื่นอย่างมากทีเดียว แม้ว่าการเปลี่ยนผ่านนี้จะต้องลงทุนหลายพันล้านบาทก็นับว่าคุ้มค่า
ความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักที่พยายามทำอย่างเงียบๆ ของ เจริญ สิริวัฒนภักดี วันนี้ น่าจะมาจากแรงบันดาลใจในการสร้างฐานธุรกิจที่เหมาะกับรุ่นลูกๆ ของเขาด้วย ขณะเดียวกันตัวเขาก็เหนื่อยมากแล้ว ด้วยสูงวัยและผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากมากเหลือเกิน
ทั้งตัน ภาสกรนที และเจริญ สิริวัฒนภักดี จึงเดินทางมาบรรจบกันตรงนี้ได้อย่างลงตัว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|