|

นิวซีแลนด์ไวน์ในเวทีโลก
โดย
อนิรุต พิเสฏฐศลาศัย
นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
แม้ไวน์หลายชนิด และหลายยี่ห้อของนิวซีแลนด์ จะเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคอไวน์ในหลายๆ ประเทศ และอุตสาหกรรมการส่งออกไวน์ของนิวซีแลนด์ก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในหลายๆ ปีที่ผ่านมา แต่หลายๆ ท่านคงจะแปลกใจว่า ตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมาจนกระทั่งในปี 2004 นิวซีแลนด์นั้นยังเป็นประเทศหนึ่งที่มีการนำเข้าไวน์โดยสุทธิ หรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นประเทศที่มีความต้องการนำเข้าไวน์มากกว่าความสามารถในการผลิตเพื่อส่งออก
แต่อย่างไรก็ตามในหลายๆ ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมไวน์ของที่นี่ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง ตัวเลขและสถิติล่าสุดก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของนิวซีแลนด์ไวน์ในระดับโลก โดยเฉพาะในปี 2005 ที่ผ่านมา นิวซีแลนด์สามารถเปลี่ยนตัวเองจากประเทศผู้นำเข้าไวน์สุทธิให้กลายเป็นประเทศผู้ส่งออกไวน์สุทธิได้สำเร็จ
ปัจจัยสนับสนุนหลักที่สำคัญก็คือการขยายตัวของการส่งออกไวน์อย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา นิวซีแลนด์สามารถส่งออกไวน์ได้ถึง 51 ล้านลิตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ได้ถึง 64% เลยทีเดียว และเมื่อคิดเป็นมูลค่าการส่งออกในปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการส่งออกไวน์ของนิวซีแลนด์ สามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้ถึง 435 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ดอลลาร์ หรือมากกว่าหนึ่งหมื่นสามพันล้านบาท เลยทีเดียว
ตลาดที่สำคัญในการส่งออกไวน์ของนิวซีแลนด์ก็คือ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ส่วนตลาดขนาดใหญ่อื่นๆ โดยเฉพาะสหภาพยุโรป และแคนาดา ยังมีความสำคัญกับการส่งออกไวน์ของนิวซีแลนด์ค่อนข้างน้อย เนื่องมาจากตลาดเหล่านี้มีการกีดกันการนำเข้าไวน์ค่อนข้างสูง
สิ่งสำคัญของการขยายตัวของอุตสาหกรรมไวน์ของนิวซีแลนด์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ในปัจจุบันถ้าพูดถึงนิวซีแลนด์ไวน์ ไม่ใช่ไวน์ขาวเท่านั้นที่มีรสชาติดีเป็นที่ยอมรับในระดับโลกเหมือนเช่นในอดีต ในปัจจุบัน ไวน์แดงของนิวซีแลนด์ อย่าง Pinot Noir ก็มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และเคยคว้ารางวัลในระดับนานาชาติมาแล้วในหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ผลิตไวน์ในนิวซีแลนด์จะเริ่มหันมาให้ความสนใจผลิตไวน์แดงอย่าง Pinot Noir กันมากขึ้น แต่ไวน์ประเภทหลักของนิวซีแลนด์ที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับมาช้านานในระดับโลกก็คือ ไวน์ขาว Sauvignon Blanc ในปีที่ผ่านมา หากคำนวณจากจำนวนผลผลิตองุ่นทั้งหมดที่นำมาใช้ทำไวน์ในนิวซีแลนด์ 46% ขององุ่นทั้งหมดเป็นองุ่นที่ใช้ผลิต Sauvignon Blanc ตามมาด้วยไวน์ขาว Chardonnay (22%) และจึงค่อยตามมาด้วยไวน์แดงอย่าง Pinot Noir (10%) และ Merlot (7%)
ไวน์ขาวอีกชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากเจ้าของไร่ไวน์ในนิวซีแลนด์ ก็คือ Pinot Gris ซึ่งไวน์ขาวชนิดนี้เป็นไวน์ที่กำลังมาแรงในระดับโลก จนผู้สันทัดกรณีบางท่าน เปรียบ Pinot Gris ว่าเป็น "iPod" ของวงการไวน์โลกเลยทีเดียว ในทัศนะของผม ยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมไวน์ของนิวซีแลนด์ทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศ และเพื่อการส่งออกไปยังต่างประเทศ ที่น่าสนใจประการหนึ่งก็คือการสร้าง "แบรนด์"
การสร้างแบรนด์ของนิวซีแลนด์ไวน์ นับได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการส่งออก และแข่งขันกับผู้ผลิตไวน์จากประเทศอื่นๆ ในตลาดโลก โดยเฉพาะประเทศผู้ผลิตไวน์ดั้งเดิมในยุโรป อย่างเช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และเยอรมนี เนื่องมาจากว่านิวซีแลนด์ไวน์มักจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของไวน์จากโลกใหม่ (New World) เคียงข้างกับประเทศอย่างออสเตรเลีย อเมริกา ชิลี และแอฟริกาใต้ เป็นต้น การที่ไวน์จากประเทศโลกใหม่เหล่านี้จะสามารถแข่งขันกับไวน์จากประเทศดั้งเดิมในยุโรป ซึ่งมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับมาเนิ่นนานได้ ไวน์เหล่านี้จะต้องมีจุดขายที่ดี มีแบรนด์ของตนที่ชัดเจน และอาจจะต้องแสดงความแตกต่างหรือมีอะไรพิเศษไปจากไวน์ชนิดดั้งเดิมในยุโรป
อันที่จริงแล้ว วิธีการแข่งขันของไวน์จากโลกใหม่กับไวน์จากโลกเก่านั้นไม่ได้อยู่ในเรื่องการแข่งขันด้านราคาอย่างที่หลายๆ คนคิด แต่กลับตรงกันข้าม ไวน์จากโลกใหม่ที่ส่งไปขายยังต่างประเทศโดยเฉพาะจากนิวซีแลนด์และออสเตรเลียนั้นกลับเป็นไวน์ที่มีคุณภาพดีและราคาสูง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อดูจากราคาไวน์เฉลี่ยต่อขวดจากประเทศต่างๆ ที่จำหน่ายอยู่ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเชื่อว่าเป็นตลาดไวน์ที่มีการแข่งขันสูงที่สุด ไวน์นิวซีแลนด์และออสเตรเลียนั้นมีราคาสูงที่สุด และสูงกว่าไวน์จากประเทศยุโรปอื่นๆ อย่างเช่น ฝรั่งเศส เสียอีก
การสร้างแบรนด์ของนิวซีแลนด์ไวน์ ก็สามารถเห็นได้ในหลายๆ ด้าน อย่างเช่น การสร้างแบรนด์ในภาพรวมของประเทศ โดยอุตสาหกรรมไวน์ของนิวซีแลนด์พยายามที่จะสอดแทรกภาพลักษณ์ความเป็น "Clean and Green Land" ของประเทศนิวซีแลนด์ เข้าไปในตัวไวน์ของนิวซีแลนด์ด้วย เพราะภาพความสะอาดและความบริสุทธิ์ตามธรรมชาติ ดูเหมือนจะช่วยส่งเสริมและบ่งชี้ถึงความมีคุณภาพของนิวซีแลนด์ไวน์ในสายตาผู้บริโภคได้มากทีเดียว
นอกจากการสร้างแบรนด์ในภาพรวมแล้ว การสร้างแบรนด์ในระดับท้องถิ่นก็มีความสำคัญอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะสำหรับผู้บริโภคภายในประเทศ ในนิวซีแลนด์ไวน์แถบทุกขวด จะต้องมีการบอกถึงแหล่งที่ปลูกองุ่นเพื่อนำมาใช้ทำไวน์ขวดนั้นๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วแหล่งผลิตก็เป็นแบรนด์ชนิดหนึ่งในอุตสาหกรรมไวน์นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าท่านต้องการเลือกซื้อไวน์ขาว Sauvignon Blanc สักขวด หลายๆ คนก็อาจจะเลือกไวน์ขาวจาก Marlborough ซึ่งเป็นแหล่งผลิตองุ่นเพื่อทำไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์ รวมถึงเป็นแหล่งผลิต Sauvignon Blanc ที่มีชื่อเสียงของนิวซีแลนด์ หรือหากจะเลือกไวน์แดง Pinot Noir ก็อาจจะเลือก Pinot Noir ที่มาจาก Martinborough เป็นต้น ซึ่งตรงจุดนี้ก็คล้ายๆ กับเวลาที่ใครหลายๆ คนเลือกซื้อไวน์แดง นอกจากจะนิยมเลือกซื้อไวน์แดงจากฝรั่งเศสแล้ว ยังมักจะเน้นอีกด้วยว่าต้องเลือกซื้อไวน์แดงที่มาจากมณฑลบอร์โดซ์ (Bordeaux) เท่านั้นถึงจะได้รสชาติกลมกล่อมถูกใจ
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|