|
"วันชาติ" หวนคืนสังเวียนทุ่มพันล.ฟื้นโปรเจกต์เก่า
ผู้จัดการรายวัน(28 ธันวาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
อสังหาฯ รุ่นลายคราม "วันชาติ ลิ้มเจริญ" หวนคืนเวที ปัดฝุ่น 2 โครงการเก่าจากวิกฤตเศรษฐกิจมาพัฒนาต่อ มูลค่าขายกว่า 2,000 ล้านบาท ในย่านพระราม 2 และบางนา ภายใต้แบรนด์ การ์เด้น ซิติ้ โปโล การ์เด้น โฮลดิ้ง คาดเปิดตัวช่วงไตรมาสแรกปี 49 แจงยอดจอง-ขาย 2 โครงการก่อนปิดตัวกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท แต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ธนาคารไม่ยอมปล่อยกู้ลูกค้าทำให้ลูกค้าหมดสภาพ ด้านเครือญาติ "อาร์.เอส. โปรโมชั่น" น้องเขยเฮียจั๊ว ปั้นแบรนด์รีเจนท์ รัชดาฯ ในย่านรัชดาภิเษก 2 โปรเจกต์รวด
นายวันชาติ ลิ้มเจริญ ประธานบริษัท การ์เด้น ซิตี้ คันทรี คลับ จำกัด และกรรมการ บริษัท รีเจนท์ รัชดา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท การ์เด้นฯ เตรียมนำโครงการเก่าที่พัฒนาค้างไว้ในช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ 2 โครงการประกอบด้วย โครงการมหาชัยเมืองใหม่ ในย่านถนนพระราม 2-สมุทรสาคร ซึ่งพัฒนาค้างไว้ตั้งแต่ช่วงปี 2537 และโครงการ์เด้น ซิตี้ โปโล ซึ่งพัฒนาเป็นโครงการเก่าย่านถนนบางนา นำกลับมาปรับปรุงใหม่ และจะเริ่มเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี 2549 นี้ โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนในการปรับปรุงและพัฒนาทั้ง 2 โครงการ ประมาณ 1,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการมหาชัยเมืองใหม่ เดิมเป็นการพัฒนาโครงการภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท การ์เด้น โฮลดิ้ง จำกัด แต่ประสบปัญหาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากสถาบันการเงินไม่พิจารณาปล่อยกู้ให้แก่ลูกค้าที่จองซื้อบ้านในโครงการ ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องยอดขาย ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเพียงรักษาสภาพโครงการในส่วนที่ยังไม่ได้พัฒนาเท่านั้น สำหรับโครงการดังกล่าว มีพื้นที่ในการพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 500 ไร่และมีการพัฒนาไปแล้วในช่วงก่อนวิกฤต 400 กว่าไร่ โดยพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และอาคารพาณิชย์
ส่วนพื้นที่ที่จะนำกลับมาปรับปรุงและพัฒนาใหม่ เป็นพื้นที่ที่เหลือจากการพัฒนาโครงการเดิม โดยคาดว่าจะพัฒนาเป็นบ้านบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ จำนวน 100 ยูนิต ซึ่งบ้านเดี่ยวจะมีราคา เริ่มต้น 2 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนทาวน์เฮาส์ ราคาขายประมาณ 1-2 ล้านบาท มูลค่าขายรวม 100-200 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เริ่มพัฒนาไปแล้วในบางส่วน คาดว่าจะสามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2549
นายวันชาติ กล่าวว่า ส่วนโครงการบ้าน การ์เด้น ซิตี้ โปโล เลียบถนนบางนา เดิมเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 5-7 ล้านบาท มีพื้นที่พัฒนาโครงการ 400 ไร่ ซึ่งหยุดการพัฒนาตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเช่นกัน โดยก่อนหน้านั้นมีการใช้พื้นที่ในการพัฒนาไปแล้ว ประมาณ 150 ไร่ โดยเหลือพื้นที่ 250 ไร่ บริษัทเตรียมนำกลับมาพัฒนาต่อในปีหน้า โดยจะเป็นรูปแบบบ้านใหม่ สไตล์เอเชียร่วมสมัย จากเดิมที่พัฒนาในรูปแบบสไตล์ยุโรป
ทั้งนี้ การปรับปรุงและพัฒนาโครงการดังกล่าวบนพื้นที่ 250 ไร่ บริษัทจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส ใช้ระยะเวลาในการพัฒนาประมาณ 3 ปี โดยในเฟสแรก จะพัฒนาเป็นบ้าน เดี่ยว จำนวน 200 ยูนิต มูลค่าขายโครงการประมาณ 1,000-1,600 ล้านบาท คาดราคาขายเฉลี่ยที่ 7-8 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งจะใช้พื้นที่พัฒนา ประมาณ 80 กว่าไร่ พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเริ่มต้น 100-400 ตารางวา ระดับราคา 4-10 กว่าล้านบาท ส่วนเฟสที่ 2 และ 3 นั้นจะมีการปรับรูปแบบการพัฒนาใหม่ตามภาวะความต้องการในตลาด
"ช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทมียอดขายทั้ง 2 โครงการประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท แต่พอเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาต่างๆเกิดขึ้น สถาบันการเงินลดระดับการให้กู้ ทั้งโครง การและสินเชื่อรายย่อย ทำให้ลูกค้าไม่สามารถกู้ซื้อได้ จนทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่หมดสภาพไปเอง และมีผลต่อเนื่องมาถึงยอดขายของโครงการและลามไปถึงสภาพคล่องทางการเงิน จนต้องปิดตัวลงไป" นายวันชาติกล่าว
ด้านนายอรรณพ ลิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหาร บริษัท รีเจนท์รัชดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นเครือญาติของเจ้าของค่ายเพลงอาร์.เอส.โปรโมชั่น กล่าวถึงแผนการพัฒนาโครงการใหม่ของบริษัทว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดตัวโครงการ โฮมออฟฟิศ รีเจนท์ รัชดาฯ- เหม่งจ๋ายไปในช่วงปลายปี 2548 ขณะนี้ บริษัทได้จัดหาพื้นที่พัฒนาโครงการใหม่ได้แล้ว 2 แปลงซึ่งเป็นที่ดินในย่านรัชดาภิเษกใกล้ๆ กับโครงการ เดิม โดยแปลงแรกเป็นที่ดินขนาด4 ไร่ และแปลง ที่ 2 เป็นที่ดินขนาด 11 ไร่ โดยอาจจะพัฒนาโครงการในรูปแบบบ้านเดี่ยว ระดับราคา 4-7 ล้านบาท หรือพัฒนาเป็นโฮมออฟฟิศ เช่นเดิม คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 นี้
สำหรับแนวทางการพัฒนาโครงการนั้น ในที่ดินแปลงแรก ขนาด 4 ไร่บริษัทจะเป็นผู้พัฒนาเอง ส่วนอีกแปลงที่มีขนาดพื้นที่ 11 ไร่เป็นการร่วมทุนในการพัฒนา โดยที่ดินแปลงดังกล่าว จะมีสัดส่วนในการร่วมทุน 50-50% กับเจ้าของที่ดิน
อนึ่งโครงการ รีเจนท์ รัชดา-เหม่งจ๋าย มูลค่าขายโครงการรวม 450 ล้านบาท พื้นที่พัฒนาโครง การ 7 ไร่เศษ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% จากจำนวนยูนิตทั้งหมดในโครงการ 26 ยูนิต โดยมียอดโอนแล้ว 50% และคาดว่าจะสามรถปิดการขาย และมอบโอนให้กับลูกค้าทั้งหมดได้ในเดือน มีนาคม 2549 นี้ โดยในส่วนของยูนิตที่เหลือ2 ยูนิตสุดท้ายนั้น บริษัทได้จัดโปรโมชัน เพื่อปิดโครงการโดยมอบของสมนาคุณ หรือรับเป็นส่วนลดมูลค่าสูงถึง 1,000,000 บาท
นายอรรณพ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีระดับราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้นที่ 16-17.5 ล้านบาท โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 520-700 ตารางเมตร โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูก ค้า บริษัททัวร์ ออแกไนซ์ และกลุ่มเอนเตอร์เทน ที่ย้ายมาจากย่านทาวน์อินทาวน์ประมาณ 30% และ 20% เป็นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการย้ายออฟฟิศ เพราะที่ตั้งออฟฟิศเดิมเริ่มเสื่อมโทรม และอีก 50% เป็นกลุ่มลูกค้าในย่านกลางเมืองที่ต้องการออฟฟิศใหม่ เนื่องจากเช่าพื้นที่ออฟฟิศอยู่ในกลางเมืองที่มีค่าเช่าสูง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบ ระหว่างค่าเช่าพื้นที่กับจำนวนเงินที่ผ่อนจ่ายจาก การซื้อโครงการแล้ว จะคุ้มกว่าการจ่ายค่าเช่า
"ความสำเร็จในการขายโครงการ รีเจนท์รัชดาฯ-เหม่งจ๋าย นี้ เนื่องจากอยู่ในทำเลคุณภาพ รูปแบบโครงการ ตรงกับความต้องการของลูกค้าในตลาด ทำให้เรามียอดขายที่เป็นไปตามเป้าที่วาง ไว้ และที่สำคัญคือระดับราคาไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับทำเลที่ได้ ทั้งนี้ ที่เราขายในราคานี้ได้ เพราะเราได้ที่ดินมาในราคาถูก โดยเราซื้อที่ดิน NPL ต่อจาก แบงก์ออฟไชน่า ซึ่งเดิมราคาขายอยู่ที่ประมาณ 360 ล้านบาท หรือราคาขายอยู่ระหว่าง 100,000-140,000 บาทต่อตารางวา แต่เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่มีการปรับโครง สร้างหนี้ทำให้บริษัทสามารถซื้อได้ในราคาตารางวาละ 80,000-90,000 บาท โดยเราซื้อมาในราคา 190 กว่าล้านบาท ซึ่งในการพัฒนาโครงการนี้ เรามีกำไรอยู่ที่ประมาณ 30%" นายอรรณพ กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|