|
บลิสเทลร้อนเกินพิกัด 15 วัน พุ่ง 63% ไซรัสชี้เจรจาขายหุ้นไม่มีผลต่อกำไร
ผู้จัดการรายวัน(28 ธันวาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
15 วันหุ้น BLISS พุ่ง 63.5% ควงคู่วอร์ฯ 1 พุ่ง 45% หลังข่าวเจรจาขายหุ้นให้นักลงทุนจากประเทศจีนหนุน แม้ผู้บริหารยืนยันยังแค่อยู่ระหว่างการเจรจา ผสมโรง "อรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์" เอ็มดี เก็บเข้าพอร์ตอีก 3 แสนหุ้น ด้าน บล.เกียรตินาคิน แนะขายให้ราคาปี 49 ที่ 5.85 บาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS และในสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ BLISS-W1 ในช่วงระหว่างวันที่ 2 ธ.ค. 48- 27 ธ.ค. 48 ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น หลังมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเจรจาซื้อขายหุ้นของบริษัทระหว่างบริษัท เน็ตเวิร์ค แมเนชเม้นท์โซลูชั่น จำกัด (NMS) ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 18.26% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนชำระแล้วกับนักลงทุนจากประเทศจีนที่สนใจจะเข้ามาถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วนประมาณ 20-30%
ทั้งนี้ ภายหลังบริษัทได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ซึ่งยังไม่สามารถระบุเวลาในการลงนามได้อย่างชัดเจน
โดยราคาหุ้นของบริษัท BLISS เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ราคาปิดที่ 5.75 บาท ก่อนจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องไปแตะระดับสูงสุด ที่ 10.90 บาท(19ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 5.15 บาท หรือ 89.56% ขณะที่ราคาล่าสุด (27 ธ.ค.) ปิดที่ 9.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท หรือ 3.87% มูลค่าการซื้อขาย 43.19 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากปรากฏชื่อ นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการ ผู้จัดการบริษัทเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มจำนวน 300,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 9.45 บาท โดยปรับขึ้นจากราคาปิดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 63.47%
ด้านราคา BLISS-W1 เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ราคาปิดที่ 2.80 บาท ก่อนจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไปแตะระดับสูงสุดที่ 4.94 บาท (19 ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 2.14 บาท หรือ 76.42% ขณะที่ราคาปิดล่าสุด (27 ธ.ค.) ราคาปิดที่ 4.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท หรือ 3.57% มูลค่าการซื้อขาย 13.44 ล้านบาท โดยปรับขึ้นจากราคาปิดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 45%
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่การตลาด กล่าวว่า แรงซื้อขายในหุ้น BLISS และ BLISS-W1 ในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างปรับขึ้นลงรุนแรง เนื่อง จากมีข่าวเข้ามาหนุนทำให้หุ้นปรับขึ้นและมีแรงเทขายเมื่อมีความชัดเจนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนในหุ้นดังกล่าวในช่วงนี้ เนื่องจากยังมีความเป็นไปได้ว่าราคาหุ้น จะยังคงผันผวนอย่างมาก คงต้องรอความชัดเจนเรื่องพันธมิตรจากประเทศจีนที่จะเข้ามาร่วมถือหุ้นก่อน
อย่างไรก็ตาม BLISS และ BLISS-W1 ถือว่าเป็นหุ้นและวอร์แรนต์ที่มีการเก็งกำไรอย่างสูงในช่วงที่ผ่าน ซึ่งอาจะเข้าข่ายทำให้อยู่ในการจับตาการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯก็ได้ ซึ่งนักลงทุนควรระมัดระวังให้มากหากจะเข้าลงทุน
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน จำกัด แนะนำขายทำกำไร โดยให้ราคาพื้นฐานในปี 2549 อยู่ที่ 5.85 บาทต่อหุ้น ขณะที่จากการปรับประมาณการผลการดำเนินงานในปี 2548 ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงเป็น 0.56 บาท ให้ได้มูลค่าพื้นฐานในปี 48 ใหม่เท่ากับ 5.04 บาท (จากเดิม 7.02 บาท) มูลค่าพื้นฐานในปี 49 เท่ากับ 5.85 บาท
ทั้งนี้ ราคาของ BLISS เพิ่มขึ้นมากในช่วงต้นเดือน ธ.ค. 48 เนื่องจากได้รับผลจากแรงเก็งกำไร จากการเจรจากับพันธมิตรร่วมทุน ต่างประเทศ
ด้านผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2548 บริษัทมียอดขายเท่ากับ 6,863 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ 6,870 ล้านบาท กำไรสุทธิเท่ากับ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากบริษัทมีภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงจากการนำเงินที่ได้จาก IPO ไปชำระหนี้ในช่วงปลายปี 47 และจากภาษีจ่ายที่ลดลงจากการเข้าจดทะเบียนใน ตลท.
บทวิเคราะห์ บล.ไซรัส แนะนำ "ขาย" เนื่องจากคาดว่ากำไรปี 2549 ที่คาดว่าจะเติบโต 10.8% ไม่สามารถชดเชยผลกระทบจาก Dilution ที่จะเกิดจากการแปลงสภาพของ BLISS-W1 69 ล้านหน่วยได้ โดย BLISS-W1 จะเริ่มแปลงสภาพได้เป็นครั้งแรกในเดือน ก.ย. 2549 ดังนั้น ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน จึงคิดเป็น PE ที่แพงถึง 16.5 เท่า (ถึงแม้ไม่มีการแปลงสภาพเลย PE ก็ยังแพงถึง 15.7 เท่า)
ทั้งนี้ หากการเจรจาขายหุ้น BLISS เป็นผลสำเร็จก็เป็นเพียงการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้น กำไรที่เกิดจากการขายหุ้นจะอยู่ที่ Network Management Solutions ไม่เกี่ยวกับบริษัท ยกเว้นว่าผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่เข้ามาจะมีธุรกิจที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้ BLISS ได้ แต่บริษัทก็ไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นใคร
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|