“บลู”ฝัน5ปีโค่นบัลลังก์ฮันเดรดฯเท100ล.ปั้นอิมเมจปีแรกสู่ทอปทรี


ผู้จัดการรายวัน(26 ธันวาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

ไทยเบฟฯ ยกเครื่องบลู อีเกิ้ล ทุ่ม 100 ล้านบาท ปั้นแบรนด์ใหม่ แปลงชื่อเป็น “บลู” ชูกลยุทธ์ราคาถูกกว่า 60 บาท สอยบัลลังก์ฮันเดรดฯภายใน 5 ปี ปีแรกดูดแชร์ 10% ติดอันดับทอปทรีของตลาด ลั่นปี 49 บุกหนักเน้นสร้างภาพลักษณ์ “Be Blue Be Your Self” เจาะคนรุ่นใหม่

นายวิโรจน์ จันทรโมลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด บริษัทบริหารกิจกรรมการตลาดในเครือของบริษัท ไทยเบฟ เวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากนโยบายของบริษัทฯที่มุ่งเน้นกลยุทธ์พรีเมียมไมซ์เซชั่น หรือขยายไลน์สินค้าสู่ตลาดระดับบนในปีหน้านี้ ล่าสุดบริษัทฯได้รีลอนช์บลู อีเกิ้ล ครั้งใหญ่ หลังจากที่หยุดทำตลาดมากว่า 2 ปี

โดยได้เปลี่ยนชื่อตราสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ “บลู” พร้อมกันนี้ยังได้ปรับภาพลักษณ์และแนวทางการสื่อสารแบรนด์ไว้ภายใต้แนวคิด “Be Blue Be Your Self” เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่อายุ 20-29 ปี สำหรับแผนการตลาดบลูในเซกเมนต์เซกันดารี่ บริษัทฯจะใช้กลยุทธ์ราคา

โดยเป็นเหล้าที่หมักบ่ม 5 ปี แต่จำหน่ายราคาเท่ากับเหล้าบ่ม 3 ปี ซึ่งเป็นกลยุทธ์เดียวกับผู้นำตลาดในขณะนี้ คือ ฮันเดรด ไพเพอร์ส อย่างไรก็ตามบลูจะมีความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนการผลิต โดยเป็นเหล้ามอลต์ที่ผลิตภายในประเทศ ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าจึงมีราคาที่ถูกกว่าฮันเดรดฯถึง 60 บาท โดยบลูจำหน่ายในราคา 260 บาท มีจุดเด่นตรงที่มีส่วนผสมหลักของมอลต์จากสก็อตแลนด์

“พฤติกรรมการผู้บริโภคการตัดสินใจซื้อเหล้าในเซกเมนต์เซกันดารี่หลักๆ จะมาจาก ด้านราคา คุณภาพ และประการสำคัญคือ ภาพลักษณ์ ซึ่งโจทย์ใหญ่ของบลูคงเป็นเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ตราสินค้าให้มีความแข็งแกร่งเป็นหลักก่อน โดยบริษัทฯจะเน้นการสื่อสารบุคลิกของแบรนด์ คือ การบ่งบอกความเป็นตัวของตัวเอง อินเทรนด์ มีรสนิยม ขณะที่มีความสนุกสนานผ่อนคลายไปด้วย เพื่อให้สอดคล้องไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่”

สำหรับบูลบริษัทได้ทุ่มงบการตลาด 100 ล้านบาท เน้นบีโลว์เดอะไลน์มากกว่า ส่วนอะโบฟเดอะไลน์หรือการทำภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์จะมีในช่วงต้นปีหน้านี้ ช่วงปีแรกจะเน้นทำตลาดในกรุงเทพฯเป็นหลักก่อน โดยให้ความสำคัญทั้งตลาดออนพรีมิสและออฟพรีมิสในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ 50% ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วจะเน้นช่องทางออนพรีมิสมากกว่า ทั้งนี้เป็นเพราะกลไกราคาของบลูถูกกว่า ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ในทุกช่องทาง

ปีหน้านี้บริษัทฯจะเริ่มเข้าไปทำตลาดช่องทางออนพรีมิสอย่างเต็มตัว ขณะนี้ได้เจรจากับผู้ประกอบการบ้างแล้ว ส่วนกลางปีหน้าบริษัทฯจะส่งออกบลูไปยังตลาดต่างประเทศ ในเบื้องต้นวางไว้เป็นประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลักก่อน

แนวโน้มตลาดเซกันดารี่มูลค่า 2.5 ล้านบาท ในปีหน้าสภาพตลาดจะทรงตัวหรือหดตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการของภาครัฐ รวมทั้งผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบด้านกำลังซื้อ สำหรับในปีแรกบริษัทฯตั้งเป้ายอดขายบลู 2.5 แสนลัง หรือมีส่วนแบ่ง 10% ติดอันดับทอปทรีของตลาด โดยปัจจุบันฮันเดรดเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 60% อันดับสองสเปย รอยัล 14% และอันดับสามเบนมอร์ 7-8% ซึ่งใน 3-5 ปีบริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่า บลูจะขึ้นเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50%

ทั้งนี้จากนโยบายพรีเมียมไมซ์เซชั่น นโยบายทางการตลาดในปีหน้า บริษัทฯจะเริ่มเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่างน้อย 1 แบรนด์ต่อปี โดยจะค่อยๆเปิดตัวสินค้าในเซกเมนต์ระดับบนอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันสินค้าในพอร์ต ประกอบด้วย กลุ่มเหล้าขาว,กลุ่มเหล้าสี แม่โขง แสงโสม มังกรทอง,กลุ่มแอดมิกซ์ คราวน์ 99 และล่าสุดเซกันดารี่ ภายใต้แบรนด์ บลู


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.