"LOFT" ตัวอักษรสีดำ 4 ตัวบนพื้นสีเหลืองสดพร้อมกับสโลแกน "BEYOND
ORDINARY STORE" ที่ปรากฏอยู่บนท้าย รถ ตุ๊กตุ๊กที่แล่นอยู่บนท้องถนนในช่วง
2-3 เดือนที่ผ่านมา ณ วันนั้นหลายคนอาจจะสงสัยและไม่รู้จักว่า ป้ายนั้นคือสัญลักษณ์ของอะไร
แต่ที่แน่นอนคือ ความสะดุดตา สะดุดใจ…มาถึงวันนี้ ปริศนาของคำว่า LOFT ก็ได้ถูกไขออกแล้วจากงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
บนพื้นที่ 1,200 ตารางเมตร บริเวณชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์
"LOFT" ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกที่ญี่ปุ่น เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
โดยเป็นร้านค้าปลีกแนวใหม่ที่อยู่ในเครือของห้างสรรพสินค้าชื่อดังของญี่ปุ่น
"SEIBU" หรือ "เซบุ"
"LOFT" ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนญี่ปุ่นที่มีพฤติกรรมการจับจ่ายเปลี่ยนไป
จากอดีตที่ลูกค้าส่วนใหญ่ติดอยู่กับยี่ห้อของสินค้า และถูกชักจูงจากพนักงานขายได้ง่าย
แต่ในปัจจุบันคนเหล่านั้นมีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อสินค้าให้เข้ากับความต้องการที่แท้จริงของตนเองมากขึ้น
"LOFT" จึงเป็นแหล่งรวมสินค้าที่มีความหลากหลายและแปลกใหม่
นั่นคือ จุดกำเนิดของ LOFT ที่ญี่ปุ่น ส่วน LOFT ที่กรุงเทพมหานครของไทยนั้นได้มีจุดเริ่มต้นเมื่อประมาณ
8 ปีที่แล้ว จากการที่ชฎาทิพย์จูตระกูล ผู้บริหารสาวคนเก่งของ BIHC หรือบริษัท
บางกอก อินเตอร์ คอนติเนลตัลโฮเต็ลได้ไปเยือนญี่ปุ่นและได้เก็บเอาความประทับใจที่ได้จาก
LOFT กลับมา และเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมาในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังบูมสุดขีดเธอก็มองเห็นช่องว่างทางการตลาดที่
LOFT น่าจะเข้ามาปิดช่องว่างนั้นได้ เธอก็ได้เริ่มติดต่อกับห้างเซบุ เพื่อขอซื้อ
FRAN CHISE LOFT มาเปิดสาขาที่กรุงเทพฯ และเมื่อต้นปี 2538 เองฝันของเธอก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
ประจวบกับ LOFT ญี่ปุ่นได้แยกตัวออกจากบริษัทแม่มาตั้งเป็นบริษัทของตัวเอง
เพื่อง่ายต่อการบริหาร ชฎาทิพย์ก็ได้ก่อตั้งบริษัท บีไอเอชที เทรดดิ้ง หรือ
B-TRADE ขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจ LOFT
ช่วงเวลานั้นเองที่ วีรชัย ศิริอัฐ ได้เข้ามาช่วยสานฝันให้เป็นจริง โดยเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของ
B-TRADE และเป็นผู้ดูแลธุรกิจทั้งหมดของ B-TRADE ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 สายคือ
สายธุรกิจค้าปลีก ซึ่งดำเนินการร้าน LOFT เป็นโครงการแรก และสายธุรกิจเทรดดิ้ง
ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับนำเข้าและส่งออก โดยปัจจุบันมีสินค้านำเข้าตัวแรกคือนาฬิกายี่ห้อ
FOSSIL
"ผมเข้ามาที่นี่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง ตั้งแต่ทำร้านให้สวย หาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของคนไทย
โฆษณาให้คนรู้จัก รวมทั้งหาคนดี ๆ มาร่วมงาน ซึ่งหลักการก็เหมือนกับการจัดตั้งบริษัททั่ว
ๆ ไป อาจแตกต่างกันที่ประเภทของสินค้าในบริษัทหรือร้านนั้น ๆ" วีรชัยกล่าว
และหลังจากที่บริษัทเป็นรูปเป็นร่างแล้ว งานส่วนใหญ่ที่เขามุ่งเน้นก็จะเป็นเรื่องของการตลาด
ซึ่งถือเป็นงานที่ผู้บริหารหนุ่มคนนี้ถนัดอยู่แล้วจากประสบการณ์ทำงานทางด้านการตลาดมากกว่า
10 ปี
"การตลาดของ LOFT ไม่ได้เริ่มจากการที่ได้ LOFT มาแล้วจึงมีการวางแผนทางการตลาด
แต่มันเริ่มตั้งแต่คำถามที่ว่าทำไมต้องไปเอา LOFT มา ทำไมไม่เอาร้านอื่นมา
คือเริ่มตั้งแต่คนที่คิดจะเอาร้านนี้มาเปิดในเมืองไทยซึ่งก็ต้องเล็งเห็นความต้องการร้านค้าประเภทนี้ในตลาดไทยจึงนำมาเปิด
ซึ่งเป็นความโชคดีที่ศักยภาพของสินค้าตัวนี้ดีอยู่แล้ว ประกอบกับความต้องการสินค้าประเภทนี้ในไทยยังมีอยู่
จึงกลายเป็นความพอดีที่ลงตัว" วีรชัยชี้แจง
LOFT ที่กรุงเทพฯ ถือเป็นสาขาที่ 2 ของ LOFT ที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่น สาขาแรกคือที่ฮ่องกง
ซึ่งได้เปิดดำเนินการมาหลายปีแล้ว LOFT จะมีความเป็นเอกลักษณ์เหมือนกันทุกสาขาในเรื่องของการตกแต่งร้านและมีแนวคิดเดียวกันว่า
"BEYOND ORDINARY STORE" คือ สินค้าทุกตัวที่ปรากฏใน LOFT จะต้องเป็นสินค้าที่มีความแปลกใหม่
หลากหลายสไตล์ แต่มีจำนวนจำกัด "หมดแล้วหมดเลย" LOFT ที่กรุงเทพฯ
ก็เช่นเดียวกัน ในส่วนของร้านก็มีการตกแต่งที่คงความเป็น LOFT ดั้งเดิมไว้
แตกต่างก็เพียงเล็กน้อยในบางส่วนที่ปรับเพื่อให้สอดคล้องกับคนไทย
"ลูกค้าที่เข้ามาเยือน LOFT จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจ เสมอกับสินค้าและรูปแบบการจัดหน้าร้านที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทุกเดือน
พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนสินค้าใหม่ทุก ๆ 2 เดือน ซึ่งล้วนแต่เป็นสินค้าใหม่ที่ไม่ซ้ำแบบมาจากทั่วโลก"
วีรชัยกล่าว และเขาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนหน้าร้านทุก ๆ เดือนด้วยว่า
"บางทีสินค้าบางตัวเรายังไม่เปลี่ยน แต่ดิสเพลย์เราเปลี่ยน คนที่เข้ามาก็รู้สึกว่ามีอะไรใหม่
ๆ ให้น่ามาเดินตลอดเวลา CONCEPT ของเราไม่ได้เน้นให้เข้ามาเดินซื้อของเพียงอย่างเดียว
แต่มาเดินเพื่อการพักผ่อนไปในตัวด้วย"
สินค้าหลากหลายที่อยู่ใน LOFT นั้นประกอบด้วย 6 กลุ่มสินค้า คือ กลุ่ม BRAIN
WORKING ซึ่งเป็นศูนย์รวมเครื่องเขียนและอุปกรณ์บนโต๊ะทำงาน กลุ่ม LOFT INTERIOR
เหมาะสำหรับผู้รักการตกแต่งบ้าน กลุ่ม COMMUNICATION เป็นมุมที่รวบรมความแปลกใหม่ในการตกแต่งของขวัญและการ์ดกลุ่ม
FASHION PARTS เพียบไปด้วยเครื่องประดับหลากสไตล์สำหรับผู้ที่รักความสวยความงาม
กลุ่ม GIFT & GAME โลกแห่งของขวัญเกมแปลกใหม่และสินค้าเพื่อความบันเทิงหลากหลาย
และกลุ่มสุดท้ายคือ NEATNESS เป็นมุมเพื่อสุขภาพ
จากความหลากหลายของประเภทและความแปลกใหม่ของสินค้าเหล่านี้ที่ LOFT สรรหามาจากทั่วทุกมุมของโลก
เพื่อนัก ช้อปชาวกรุงเรียกได้ว่า ครอบคลุมชีวิตประจำวันของคุณตั้งแต่หัวจรดเท้า
นับตั้งแต่ตื่นจากที่นอนจวบจนกลับไปซุกตัวเพื่อพักผ่อนยามค่ำคืนอีกครั้ง
กลุ่มเป้าหมายของ LOFT เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น จนถึงคนทำงานที่เป็นคนรุ่นใหม่
อายุประมาณ 18-35 ปี โดยพฤติกรรมของคนเหล่านี้จะเป็นคนที่รักการสร้างสรรค์ในการเลือกซื้อสินค้า
ต้องการสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตนเอง และมีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
สินค้าที่ปรากฏอยู่ใน LOFT ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่นำเข้าประมาณ 70- 80% โดย
55% นำเข้ามาจากญี่ปุ่น อีก 30% นำเข้ามาจากยุโรป และอเมริกา ส่วนสินค้าที่ผลิตในประเทศเองมีประมาณ
15%
"สินค้าที่ผลิตในไทยก็มีบ้างแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่แปลก
ๆ เช่นการ์ดต่าง ๆ งานเรซิน งานกรอบรูป สำหรับสินค้าที่นำเข้ามาส่วนใหญ่เราจะส่งทีมงานของเราไปลุยในต่างประเทศเอง
ไม่ต้องรอให้มีคนมาเสนอขาย และสินค้าที่เราสั่งเข้ามาในแต่ละแบบจะมีจำนวนไม่มาก
แต่เราเน้นให้มีความหลากหลายในสไตล์มากกว่า" วีรชัยเล่าถึงกระบวนการทำงาน
สำหรับงบประมาณที่ B-TRADE ได้วางไว้สำหรับ LOFT ในปีแรกนี้รวมทั้งสิ้น
140 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าตกแต่งร้าน 20 ล้านบาท ค่าสต็อกสินค้า 90 ล้านบาท
ค่าเช่าพื้นที่ 10 ล้านบาท และค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ 20 ล้านบาท
และจากเวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือนที่ LOFT ออกสู่สายตาชาวกรุง ผลตอบรับที่สะท้อนกลับมานั้นสามารถเรียกกำลังใจให้กับคนทำงานใน
B-TRADE ได้ทุกคนท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ถือเป็นแรงผลักดันให้ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ไม่ยากนัก
ซึ่งผู้บริหารของ B-TRADE ได้เผยถึงเป้ายอดขายที่ตั้งไว้สำหรับปีแรกนี้ที่
200 ล้านบาท
"ถามว่า เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วที่เขาคุยธุรกิจนี้กัน พวกเขาจะรู้ไหมว่าเศรษฐกิจ
ณ วันนี้ จะเป็นแบบนี้.. ไม่มีใครตอบได้ แต่เนื่องจากเรามีบริษัทแม่ที่มีเครดิตที่ดีอย่าง
BIHC ประกอบกับญี่ปุ่น เขามั่นใจในทีมงานของเรา เขาก็ยอมขาย FRANCHISE ให้เรา
ในที่สุด ซึ่งตอนนี้เราก็ได้พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่า เขาคิดไม่ผิดที่ขาย
FRANCHISE ให้เรา โดยพิสูจน์จากยอดขาย การเข้าร้านของคนและการรับรู้ของชาวกรุงเทพฯ"
วีรชัยกล่าวอย่างภูมิใจ
และในเดือนนี้ สินค้าที่จะมาเป็นพระเอกให้แก่ร้าน LOFT ก็เป็นสิ่งที่คนไทยรอคอยคือ
จูราสสิกพาร์ค ภาค 2 เพื่อต้อนรับหนัง THE LOST WORLD ที่กำลังฮิตอยู่ในอเมริกา
และจะเข้ามาฉายในเมืองไทย ส่วนจะเป็นสินค้าในรูปแบบไหนก็ต้องไปแวะชมกันเอง