"L0FT" IN BANGKOK


นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2540)



กลับสู่หน้าหลัก

"LOFT" ตัวอักษรสีดำ 4 ตัวบนพื้นสีเหลืองสดพร้อมกับสโลแกน "BEYOND ORDINARY STORE" ที่ปรากฏอยู่บนท้าย รถ ตุ๊กตุ๊กที่แล่นอยู่บนท้องถนนในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ณ วันนั้นหลายคนอาจจะสงสัยและไม่รู้จักว่า ป้ายนั้นคือสัญลักษณ์ของอะไร แต่ที่แน่นอนคือ ความสะดุดตา สะดุดใจ…มาถึงวันนี้ ปริศนาของคำว่า LOFT ก็ได้ถูกไขออกแล้วจากงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บนพื้นที่ 1,200 ตารางเมตร บริเวณชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์

"LOFT" ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกที่ญี่ปุ่น เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นร้านค้าปลีกแนวใหม่ที่อยู่ในเครือของห้างสรรพสินค้าชื่อดังของญี่ปุ่น "SEIBU" หรือ "เซบุ"

"LOFT" ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนญี่ปุ่นที่มีพฤติกรรมการจับจ่ายเปลี่ยนไป จากอดีตที่ลูกค้าส่วนใหญ่ติดอยู่กับยี่ห้อของสินค้า และถูกชักจูงจากพนักงานขายได้ง่าย แต่ในปัจจุบันคนเหล่านั้นมีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อสินค้าให้เข้ากับความต้องการที่แท้จริงของตนเองมากขึ้น "LOFT" จึงเป็นแหล่งรวมสินค้าที่มีความหลากหลายและแปลกใหม่

นั่นคือ จุดกำเนิดของ LOFT ที่ญี่ปุ่น ส่วน LOFT ที่กรุงเทพมหานครของไทยนั้นได้มีจุดเริ่มต้นเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว จากการที่ชฎาทิพย์จูตระกูล ผู้บริหารสาวคนเก่งของ BIHC หรือบริษัท บางกอก อินเตอร์ คอนติเนลตัลโฮเต็ลได้ไปเยือนญี่ปุ่นและได้เก็บเอาความประทับใจที่ได้จาก LOFT กลับมา และเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมาในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังบูมสุดขีดเธอก็มองเห็นช่องว่างทางการตลาดที่ LOFT น่าจะเข้ามาปิดช่องว่างนั้นได้ เธอก็ได้เริ่มติดต่อกับห้างเซบุ เพื่อขอซื้อ FRAN CHISE LOFT มาเปิดสาขาที่กรุงเทพฯ และเมื่อต้นปี 2538 เองฝันของเธอก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ประจวบกับ LOFT ญี่ปุ่นได้แยกตัวออกจากบริษัทแม่มาตั้งเป็นบริษัทของตัวเอง เพื่อง่ายต่อการบริหาร ชฎาทิพย์ก็ได้ก่อตั้งบริษัท บีไอเอชที เทรดดิ้ง หรือ B-TRADE ขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจ LOFT

ช่วงเวลานั้นเองที่ วีรชัย ศิริอัฐ ได้เข้ามาช่วยสานฝันให้เป็นจริง โดยเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของ B-TRADE และเป็นผู้ดูแลธุรกิจทั้งหมดของ B-TRADE ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 สายคือ สายธุรกิจค้าปลีก ซึ่งดำเนินการร้าน LOFT เป็นโครงการแรก และสายธุรกิจเทรดดิ้ง ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับนำเข้าและส่งออก โดยปัจจุบันมีสินค้านำเข้าตัวแรกคือนาฬิกายี่ห้อ FOSSIL

"ผมเข้ามาที่นี่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง ตั้งแต่ทำร้านให้สวย หาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของคนไทย โฆษณาให้คนรู้จัก รวมทั้งหาคนดี ๆ มาร่วมงาน ซึ่งหลักการก็เหมือนกับการจัดตั้งบริษัททั่ว ๆ ไป อาจแตกต่างกันที่ประเภทของสินค้าในบริษัทหรือร้านนั้น ๆ" วีรชัยกล่าว และหลังจากที่บริษัทเป็นรูปเป็นร่างแล้ว งานส่วนใหญ่ที่เขามุ่งเน้นก็จะเป็นเรื่องของการตลาด ซึ่งถือเป็นงานที่ผู้บริหารหนุ่มคนนี้ถนัดอยู่แล้วจากประสบการณ์ทำงานทางด้านการตลาดมากกว่า 10 ปี

"การตลาดของ LOFT ไม่ได้เริ่มจากการที่ได้ LOFT มาแล้วจึงมีการวางแผนทางการตลาด แต่มันเริ่มตั้งแต่คำถามที่ว่าทำไมต้องไปเอา LOFT มา ทำไมไม่เอาร้านอื่นมา คือเริ่มตั้งแต่คนที่คิดจะเอาร้านนี้มาเปิดในเมืองไทยซึ่งก็ต้องเล็งเห็นความต้องการร้านค้าประเภทนี้ในตลาดไทยจึงนำมาเปิด ซึ่งเป็นความโชคดีที่ศักยภาพของสินค้าตัวนี้ดีอยู่แล้ว ประกอบกับความต้องการสินค้าประเภทนี้ในไทยยังมีอยู่ จึงกลายเป็นความพอดีที่ลงตัว" วีรชัยชี้แจง

LOFT ที่กรุงเทพฯ ถือเป็นสาขาที่ 2 ของ LOFT ที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่น สาขาแรกคือที่ฮ่องกง ซึ่งได้เปิดดำเนินการมาหลายปีแล้ว LOFT จะมีความเป็นเอกลักษณ์เหมือนกันทุกสาขาในเรื่องของการตกแต่งร้านและมีแนวคิดเดียวกันว่า "BEYOND ORDINARY STORE" คือ สินค้าทุกตัวที่ปรากฏใน LOFT จะต้องเป็นสินค้าที่มีความแปลกใหม่ หลากหลายสไตล์ แต่มีจำนวนจำกัด "หมดแล้วหมดเลย" LOFT ที่กรุงเทพฯ ก็เช่นเดียวกัน ในส่วนของร้านก็มีการตกแต่งที่คงความเป็น LOFT ดั้งเดิมไว้ แตกต่างก็เพียงเล็กน้อยในบางส่วนที่ปรับเพื่อให้สอดคล้องกับคนไทย

"ลูกค้าที่เข้ามาเยือน LOFT จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจ เสมอกับสินค้าและรูปแบบการจัดหน้าร้านที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทุกเดือน พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนสินค้าใหม่ทุก ๆ 2 เดือน ซึ่งล้วนแต่เป็นสินค้าใหม่ที่ไม่ซ้ำแบบมาจากทั่วโลก" วีรชัยกล่าว และเขาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนหน้าร้านทุก ๆ เดือนด้วยว่า

"บางทีสินค้าบางตัวเรายังไม่เปลี่ยน แต่ดิสเพลย์เราเปลี่ยน คนที่เข้ามาก็รู้สึกว่ามีอะไรใหม่ ๆ ให้น่ามาเดินตลอดเวลา CONCEPT ของเราไม่ได้เน้นให้เข้ามาเดินซื้อของเพียงอย่างเดียว แต่มาเดินเพื่อการพักผ่อนไปในตัวด้วย"

สินค้าหลากหลายที่อยู่ใน LOFT นั้นประกอบด้วย 6 กลุ่มสินค้า คือ กลุ่ม BRAIN WORKING ซึ่งเป็นศูนย์รวมเครื่องเขียนและอุปกรณ์บนโต๊ะทำงาน กลุ่ม LOFT INTERIOR เหมาะสำหรับผู้รักการตกแต่งบ้าน กลุ่ม COMMUNICATION เป็นมุมที่รวบรมความแปลกใหม่ในการตกแต่งของขวัญและการ์ดกลุ่ม FASHION PARTS เพียบไปด้วยเครื่องประดับหลากสไตล์สำหรับผู้ที่รักความสวยความงาม กลุ่ม GIFT & GAME โลกแห่งของขวัญเกมแปลกใหม่และสินค้าเพื่อความบันเทิงหลากหลาย และกลุ่มสุดท้ายคือ NEATNESS เป็นมุมเพื่อสุขภาพ

จากความหลากหลายของประเภทและความแปลกใหม่ของสินค้าเหล่านี้ที่ LOFT สรรหามาจากทั่วทุกมุมของโลก เพื่อนัก ช้อปชาวกรุงเรียกได้ว่า ครอบคลุมชีวิตประจำวันของคุณตั้งแต่หัวจรดเท้า นับตั้งแต่ตื่นจากที่นอนจวบจนกลับไปซุกตัวเพื่อพักผ่อนยามค่ำคืนอีกครั้ง

กลุ่มเป้าหมายของ LOFT เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น จนถึงคนทำงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ อายุประมาณ 18-35 ปี โดยพฤติกรรมของคนเหล่านี้จะเป็นคนที่รักการสร้างสรรค์ในการเลือกซื้อสินค้า ต้องการสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตนเอง และมีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

สินค้าที่ปรากฏอยู่ใน LOFT ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่นำเข้าประมาณ 70- 80% โดย 55% นำเข้ามาจากญี่ปุ่น อีก 30% นำเข้ามาจากยุโรป และอเมริกา ส่วนสินค้าที่ผลิตในประเทศเองมีประมาณ 15%

"สินค้าที่ผลิตในไทยก็มีบ้างแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่แปลก ๆ เช่นการ์ดต่าง ๆ งานเรซิน งานกรอบรูป สำหรับสินค้าที่นำเข้ามาส่วนใหญ่เราจะส่งทีมงานของเราไปลุยในต่างประเทศเอง ไม่ต้องรอให้มีคนมาเสนอขาย และสินค้าที่เราสั่งเข้ามาในแต่ละแบบจะมีจำนวนไม่มาก แต่เราเน้นให้มีความหลากหลายในสไตล์มากกว่า" วีรชัยเล่าถึงกระบวนการทำงาน

สำหรับงบประมาณที่ B-TRADE ได้วางไว้สำหรับ LOFT ในปีแรกนี้รวมทั้งสิ้น 140 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าตกแต่งร้าน 20 ล้านบาท ค่าสต็อกสินค้า 90 ล้านบาท ค่าเช่าพื้นที่ 10 ล้านบาท และค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ 20 ล้านบาท

และจากเวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือนที่ LOFT ออกสู่สายตาชาวกรุง ผลตอบรับที่สะท้อนกลับมานั้นสามารถเรียกกำลังใจให้กับคนทำงานใน B-TRADE ได้ทุกคนท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ถือเป็นแรงผลักดันให้ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ไม่ยากนัก ซึ่งผู้บริหารของ B-TRADE ได้เผยถึงเป้ายอดขายที่ตั้งไว้สำหรับปีแรกนี้ที่ 200 ล้านบาท

"ถามว่า เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วที่เขาคุยธุรกิจนี้กัน พวกเขาจะรู้ไหมว่าเศรษฐกิจ ณ วันนี้ จะเป็นแบบนี้.. ไม่มีใครตอบได้ แต่เนื่องจากเรามีบริษัทแม่ที่มีเครดิตที่ดีอย่าง BIHC ประกอบกับญี่ปุ่น เขามั่นใจในทีมงานของเรา เขาก็ยอมขาย FRANCHISE ให้เรา ในที่สุด ซึ่งตอนนี้เราก็ได้พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่า เขาคิดไม่ผิดที่ขาย FRANCHISE ให้เรา โดยพิสูจน์จากยอดขาย การเข้าร้านของคนและการรับรู้ของชาวกรุงเทพฯ" วีรชัยกล่าวอย่างภูมิใจ

และในเดือนนี้ สินค้าที่จะมาเป็นพระเอกให้แก่ร้าน LOFT ก็เป็นสิ่งที่คนไทยรอคอยคือ จูราสสิกพาร์ค ภาค 2 เพื่อต้อนรับหนัง THE LOST WORLD ที่กำลังฮิตอยู่ในอเมริกา และจะเข้ามาฉายในเมืองไทย ส่วนจะเป็นสินค้าในรูปแบบไหนก็ต้องไปแวะชมกันเอง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.