ทิสโก้คาดปีจอตลาดหุ้นทะลุ800จุด เร่งเจาะฐานลูกค้าภูธรผ่านแบงก์แม่


ผู้จัดการรายวัน(21 ธันวาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

บลจ.ทิสโก้คาดตลาดหุ้นไทยปีจอมีโอกาสทะลุ 800 จุด เนื่องจาก P/E ยังต่ำ ขณะที่จีดีพีปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 5% ทำให้ดัชนีตลาดยังมีโอกาสผงกหัวได้ เผยกลยุทธ์ปีหน้าเตรียมบุกตลาดลูกค้าต่างจังหวัดผ่านแบงก์แม่ ขณะที่ปีนี้พอร์ตกองทุนภายใต้การบริหารทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 15-20%

นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีหน้ายังมีแนวโน้มขาขึ้น โดยบริษัทประเมินว่าดัชนีมีโอกาสแตะระดับ 800 จุด เนื่องจากราคาต่ออัตราผลกำไร (P/E) ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวประมาณ 5% ซึ่งถือว่าดีกว่าปีนี้ที่จีดีพีขยายตัวประมาณ 4.7% ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจลงทุน

"สิ่งที่กลัวคือ ไม่อยากให้สถานการณ์ความ ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ลุกลามมาก กว่านี้ เพราะแนวโน้มราคาน้ำมันยังคงมีโอกาสปรับตัวลดลง ปัญหาสึนามิเริ่มคลี่คลาย ขณะที่เงินเฟ้อคาดว่าจะเริ่มนิ่งในช่วงกลางปี บรรยากาศ โดยรวมของตลาดหุ้นน่าจะดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีนี้ ตลาดค่อนข้างผันผวนจากปัญหาต่างๆ ซึ่งทำให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นภาพลบ ไม่ว่าจะเป็นสึนามิ น้ำมัน ดอกเบี้ยขาขึ้น ปัญหาภาคใต้ และการกลับมาแพร่ระบาดของไข้หวัดนก" นายสุทัศน์กล่าว

นายสุทัศน์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ของบริษัทว่า ในส่วนของธุรกิจกองทุนรวมสามารถเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ภายใต้การบริหารได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยล่าสุด NAV อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2547 อยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 50,000 ล้านบาท กองทุนส่วนบุคคลประมาณ 21,000 ล้านบาท รวม ทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร 81,000 ล้านบาท

สำหรับแผนการดำเนินงานในปีหน้า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารประมาณ 15-20% โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คาดว่าจะมาจากธุรกิจกองทุนรวม เนื่องจาก ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีการแข่งขันอย่างรุนแรง

"แผนการดำเนินงานในปีหน้า ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทยังคงให้น้ำหนักกับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และระยะปานกลาง เนื่องจาก แนวโน้มดอกเบี้ยคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และจะเริ่มนิ่งในช่วงครึ่งปีหลัง โดยหลังจากที่ดอกเบี้ย เริ่มนิ่งเราจะเริ่มปรับกลยุทธ์การออกกองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุปานกลาง และระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แกjผู้ถือหน่วยลงทุน"นายสุทัศน์กล่าว

สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะสั้น (อาร์/พี) 14 วัน คาดว่าในช่วงกลางปีจะปรับตัวสูงสุด โดยบริษัทประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยอาร์/พีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5% ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อคาดว่าในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 3-4% ซึ่งทำให้ผลตอบแทนจากการฝากเงินของนักลงทุนเป็นบวก

นายสุทัศน์ กล่าวว่า ในส่วนของกองทุนหุ้น บริษัทอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการออกกองทุนหุ้นที่มีนโยบายผสม โดยจะเข้าไปลงทุนในตราสารอนุพันธ์ด้วย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยคาดว่าจะสามารถจัดตั้งกองทุนได้ หลังจากที่ตลาดตราสารอนุพันธ์เริ่มเทรด
ขณะเดียวกัน ในส่วนของ กองทุนหุ้น และกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ที่มีอยู่แล้ว บริษัทก็จะทำการประชาสัมพันธ์กับลูกค้าให้เข้ามาลงทุนผ่านกองทุนหุ้นมากขึ้นด้วย เนื่องจากโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้

นอกจากนี้ ในแง่ของแผนการตลาด บลจ. ทิสโก้ จะเดินหน้าขายหน่วยลงทุนผ่าน ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด โดยปัจจุบันธนาคารทิสโก้มีสาขา 14 แห่ง โดยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการฝึกอบรมพนักงาน เพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อสอบใบอนุญาต (ไลเซนส์) ขายหน่วยลงทุน ซึ่งบริษัท ตั้งเป้าให้แต่ละสาขามีพนักงานที่มีความพร้อมและสามารถขายหน่วยลงทุนได้สาขาละ 2 แห่ง

สำหรับกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 800 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกของบริษัท หลังการเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ขายได้ประมาณ 400 กว่าล้านบาท ซึ่งในปีหน้ายังคงจะเดินหน้าประชาสัมพันธ์เพื่อขายหน่วยลงทุนให้ครบตามโครงการที่ได้ขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.