|
กสิกรไทยผวากองทุนวายุภักษ์2 ฉุดความเป็นเบอร์1ธุรกิจกองทุน
ผู้จัดการรายวัน(20 ธันวาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
บลจ.กสิกรไทยเดินหน้าทวงแชมป์ NAV สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งภายในปีนี้สำเร็จ แต่ยังห่วงปีหน้าหาก "วายุภักษ์ 2" เกิดจะผลักดันให้คู่แข่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการแซงทันที เผยปีหน้าตั้งเป้า NAV เพิ่ม 25% โดยจะหันมาให้น้ำหนักกับกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) และพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ หลังซุ่มเตรียมความพร้อมมานาน
นายอโศก วงศ์ชะอุ่ม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ภายใต้การบริหารจัดการในปี 2549 ประมาณ 25% โดยล่าสุดในปีนี้มีพอร์ตภายใต้การบริหารจัดการกว่า 2.06 แสนล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) อันดับ 1 เมื่อเทียบกับปี 2547 ที่มีพอร์ตภายใต้การบริหาร 1.5 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 30%
"กลยุทธ์ในปีหน้าเราคงให้น้ำหนักกับการออกกองทุนตราสารอนุพันธ์ กองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ (FIF) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ซึ่งเราได้มีการศึกษาเรื่องนี้มาหลายปี" นายอโศกกล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจกองทุนรวม ในปีหน้า คาดว่ากองทุนตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรยังคงได้รับการตอบรับจากลูกค้าเงินฝาก และเชื่อว่าตลาดยังคงไปได้ เนื่องจากลูกค้ากองทุนยังมีสัดส่วนต่ำ เมื่อเทียบกับกลุ่มลูกค้าเงินฝากที่มีเม็ดเงินกว่า 5-6 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน
"สาเหตุที่กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นในปีนี้ได้รับการตอบรับจากนักลงทุน แต่เมื่อแนวโน้มดอกเบี้ย เริ่มนิ่งในช่วงกลางปี คาดว่า บลจ.แต่ละแห่งจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ในการเสนอขายหน่วยลงทุน โดยหันมาออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะปานกลาง และระยะยาวมากขึ้น ซึ่งทำให้เห็นว่าแนวโน้มกองทุนตราสารหนี้ยังไม่หมดไป"
นอกจากนี้ แนวโน้มการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากที่คาดว่าจะเกิดขึ้นถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจกองทุนขยายตัว โดยนักลงทุนจะพิจารณาความเสี่ยงในการลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้มีเงินฝากบางส่วนย้ายการลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งถือเป็นไปตามกลไกตลาด
นายอโศกกล่าวว่า แผนการดำเนินงานของบลจ.กสิกรไทย ยังคงดำเนินไปตามกลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทยที่ได้ปรับตัวโดยชูจุดขายในเรื่องของ K-GROUP ซึ่งหมายถึงการเป็นสถาบันการเงินที่มีบริการทางการเงินอย่างครบวงจร โดยโฟกัสไปที่ความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ภายใต้สโล-แกนบริการทุกระดับประทับใจ
สำหรับกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย ในปีหน้ายังไม่มีแผนออกกองใหม่ โดยจะเน้นการทำ ความเข้าใจกับลูกค้าที่สนใจลงทุนผ่านกองทุนหุ้นเป็นสำคัญ โดย บลจ.กสิกรไทยประเมินว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีหน้าดัชนีจะอยู่ที่ 740 จุด และคาดว่าตลาดหุ้นยังคงมีความผันผวน โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 5%
นายอโศกกล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งปัจจุบันบลจ.กสิกรไทยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมยังขยายตัวน้อยมาก และที่สำคัญมีการแข่งขันกันมาก โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายไม่เข้าไปแข่งขันในด้านนี้ โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2548 บลจ.กสิกรไทยมีพอร์ตกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหาร 39,667 ล้านบาท
สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ณ เดือนตุลาคม 2548 บลจ.กสิกรไทยมีพอร์ตภายใต้การบริหาร 33,411 ล้านบาท มาร์เกตแชร์อันดับ 4
"เราสามารถกลับขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ได้สำเร็จในปีนี้ โดยมีการออกกองทุนจำนวน 20 กองทุน แต่สิ่งที่เราเป็นห่วงคือ กองทุนวายุภักษ์ 2 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า ถ้าหากมีเราคงไม่สามารถรักษาความเป็น บลจ.ที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ได้" นายอโศกกล่าว
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า คาดว่าจะทยอยปรับขึ้น โดยคาดว่าจะปรับตัวสูงสุดในช่วงกลางปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะสั้น (อาร์/พี) 14 วันคาดว่าจะอยู่ที่ 4.50-4.75%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|