ส่งออกพ.ย.เกินดุลทั้งปีหดเป้าเหลือ15.3%


ผู้จัดการรายวัน(20 ธันวาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

ส่งออกเดือนพ.ย.พลิกกลับมาเกินดุลอีกครั้ง หลังยอด วูบไปเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา แต่ภาพรวม 11 เดือนไทยยังขาดดุลการค้า สูงถึง 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ "พาณิชย์" ถอดใจหดเป้าทั้งปีเหลือ 15.3% จากเดิม 20% "การุณ" แก้เกี้ยว ตั้งไว้สูงเพราะตั้งไว้ทำงาน
นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือนพ.ย.มีมูลคห่า 9,841.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 14.5% การนำเข้ามีมูลค่า 9,786.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 14.7% ดุลการค้าเกินดุล 55.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2548 (ม.ค.-พ.ย.) การส่งออกมีมูลค่ารวม 101,437 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 15.2% การนำเข้ามีมูลค่ารวม 108,634.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 25.5% โดยขาดดุลการค้ารวม 7,197.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 324,003 ล้านบาท

"เดิมกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้า ทั้งปีไว้ที่ 13% และพูดชัดเจนมาตลอดว่าตัวเลข 20% คือเป้าที่ต้องทำให้เต็มที่ ซึ่งก็ทำเต็มที่แล้ว และจนถึงสิ้นปีคาดว่าจะขยายตัวได้ 15.3% มูลค่า 111,288 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้า 118,345 ล้าน เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 25% ดุลการค้าขาดดุล 7,057 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่อย่าลืมว่าตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา มีสถานการณ์หรือปัจจัยลบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการส่งออกเป็นจำนวนมาก" นาย การุณกล่าว

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว. พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกเดือน พ.ย.กลับมาเกินดุลอีกครั้งหลังจากที่เดือน ต.ค.ขาดดุล และการ ขาดดุลหรือเกินดุลไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่อยู่ที่การรักษาดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่า ซึ่งถ้าไทยขาดดุลการค้าไม่เกินเดือนละ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่มีทางที่จะขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

ส่วนการปรับลดเป้าส่งออกเหลือ 15.3% จาก 20% นั้น เดิม กรมส่งเสริมการส่งออกตั้งไว้ 12% แต่ได้สั่งให้เพิ่มเป็น 20% เพื่อให้ทำงานกันเต็มที่ ซึ่งภาพรวมขณะนี้ 15-16% ถือว่าดีมากแล้ว และยังพลิกจากขาดดุลมาเป็นเกินดุล ดังนั้น เป้าหมายจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ

นางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดี กรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า การส่งออกในเดือน พ.ย.มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการส่งออกไปตลาดใหม่เพิ่มเป็น 40% ตามเป้าหมายที่กรมฯ ตั้งไว้จะถึง 40% ภายในปี 2548 ส่วนตลาดหลักลดเหลือ 60% ส่วนการส่งออกปี 2549 หลังจากหารือ กับทูตพาณิชย์และผู้ประกอบการทุกกลุ่มสินค้าแล้ว คาดว่ามีมีอัตราขยายตัวประมาณ 16-17% เทียบกับฐานปี 2548

นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การนำเข้าในเดือน พ.ย. เทียบกับเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 0.28% โดยสินค้าที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงในเดือน พ.ย. ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง สินค้าทุน และสินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 48.8%, 14.5% และ 5% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ส่วนการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือน พ.ย. มีมูลค่า 1,366 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉลี่ย 7.9 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มจากเดือน ต.ค. 1.01% แต่ต่ำกว่าปริมาณที่ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการบริหารการนำเข้าไว้ที่ 8.5 แสน บาร์เรลต่อวันแต่แนวโน้ม ธ.ค. คาดว่าจะนำเข้าต่ำกว่า 8.5 แสนบาร์เรลต่อวัน ทองคำนำเข้า 9 ตัน ลดลงจากเดือนก่อน 3.8 ตัน มูลค่านำเข้า 124 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.4% ส่วนธ.ค.ทองคำคาดว่าจะนำเข้าต่ำกว่า 12 ตัน คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ธ.ค. คาดว่าจะนำเข้า 433 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากเดือน พ.ย. เครื่องจักรกลธ.ค.คาดว่าจะนำเข้า ประมาณ 931 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ คือ การบินไทยและ ปตท.จะนำเข้า ประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.