"ซีดีจี กรุ๊ป ทำเนียบรุ่นใหญ่ไอที"

โดย สันทิฎฐ์ สมานฉันท์
นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2540)



กลับสู่หน้าหลัก

ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นซีดีจี อันเป็นยุคที่คอมพิวเตอร์ยังดูแปลกแยกกับผู้คนหากจะกล่าวว่าซีดีจีเป็นทำเนียบรุ่นใหญ่ ก็คงไม่ผิดอะไรนัก

เมื่อเริ่มต้น ซีดีจี มีพนักงานเพียง 6 คนและแม้เวลาจะผ่านไปอีก 8 ปี ก็มีพนักงานประมาณสัก 20 คน และมีเซลส์อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น จึงไม่ได้ทำตลาดในเชิงรุก ต่างจากซีดีจีในยุคปัจจุบัน

ยุคก่อนเป็นการดำเนินธุรกิจไปเรื่อย ๆ หากทางราชการประมูลโครงการต่าง ๆ ก็เข้าประมูล การขยายผลิตภัณฑ์ก็เป็นไปตามความต้องการของทางราชการ เช่นเมื่อทางราชการนิยมเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ซีดีจีก็หันมานำเสนอสินค้านี้บ้าง โดยเป็นสินค้าของบริษัทไพรม์

อันที่จริง ซีดีจีเคยติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมินิของบริษัทดิจิตอล อิควิปเมนท์ แต่ช่วงนั้นดิจิตอลกำลังเป็นพระเอกใหม่ในวงการ จึงมีเงื่อนไขต่าง ๆ มากมาย เช่น ในเรื่องสต็อกสินค้า และการทำยอดขายให้ได้ตามเป้า จึงเลิกรากันไป

แม้ซีดีจีจะเริ่มธุรกิจด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายคอนโทรดาต้า และไพร์มแต่บริษัททั้งสองก็ประสบภาวะขาดทุนและเลิกกิจการในเวลาต่อมา ทั้งที่ยังทำตลาดในเมืองไทยได้ดี เช่น คอนโทรลดาต้าเป็นผู้รับผิดชอบการวางระบบแบ่งเงินรางวัลด้วยคอมพิวเตอร์ที่สนามม้านางเลิ้ง ส่วนเครื่องไพร์ม เคยกวาดงานประมูลของทางราชการได้หลายโครงการ เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย

การสิ้นบุญของคอนโทรลดาต้า สหรัฐอเมริกา และไพร์ม แม้จะก่อให้เกิดวิกฤตอยู่บ้าง แต่ข้อดีก็คือ ทำให้ซีดีจีมีประสบการณ์ในการปรับตัวไปสู่ตลาดใหม่ ๆ

ยิ่งยง ลิ่วเจริญ ผู้ก่อตั้งกลุ่มถึงแก่กรรมเมื่อบริหารมาเป็นเวลา 10 ปีทำให้ลูกชายคือ นาถ ลิ่วเจริญ ต้องรับช่วงบริหาร ตอนนั้นนาถอายุ 26 จบวิศวกรรมศาสตร์ จุฬา แล้วมาทำงานในฝ่ายขาย ซึ่งมี ดิลก คุณะดิลก เป็นผู้จัดการ

ดิลกเป็นรุ่นครูที่คร่ำหวอดในวงการคอมพิวเตอร์มานาน เป็นกรรมการในสมาคมคอมพิวเตอร์โดยตลอด นับเป็นรุ่นเดียวกับมนู อรดีดลเชษฐ์

ตอกที่ยิ่งยงจากไป นับว่ามีปัญหามาก เพราะยิ่งยงมีลักษณะการบริหารคนเดียว ตกลงทางธุรกิจคนเดียว และเป็นผู้ดูแลทางด้านการเงิน พนักงานส่วนหนึ่งจึงระส่ำระสาย

"ผมซัฟเฟอร์อยู่พักหนึ่ง ทำอะไรไม่ได้สักอย่างหนึ่งเลย แต่มีรุ่นพี่คอยประคับประคองกันไว้ หลายคนมีความรอยัลตีจึงช่วยกันบริหารบริษัท" นาถกล่าวอย่างถ่อมตน

เรื่องที่ยุ่งยากจริง ๆ เป็นเรื่องการเงิน เพราะมียิ่งยงเป็นคนดูแล โดยมียอดยิ่ง เอื้อวัฒนสกุล เป็นที่ปรึกษา ปีที่ยิ่งยงจากไป ซีดีจีขาดทุน แต่ไม่มากนัก เป็นช่วงวิกฤตที่กินเวลา 1 ปี มีการลดโบนัสพนักงาน

"โดยปกติจะมีการจ่ายโบนัสไม่ต่ำกว่า 1 เดือน แต่ในช่วงวิกฤตจ่ายแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น ดดยมีการบอกกล่าวกับพนักงานอย่างตรงไปตรงมา ในปีต่อมากำไรไม่มากแต่ผู้บริหารก็บอกว่าเพื่อตอบแทนพนักงานจึงจ่ายโบนัสมากกว่า 1 เดือน" สุภาวดีกล่าวในที่สุด



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.