ชื่อของโชคชัย ปัญจทรัพย์เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจบ้านจัดสรรในเมืองไทยเมื่อประมาณ
45 ปีก่อน จุดเริ่มต้นของนักพัฒนาที่ดินคนนี้เริ่มขึ้นเมื่อโชคชัย ซึ่งเป็นชาวปราจีนบุรีได้เข้ามาซื้อที่ดินแปลงหนึ่งริมถนนเพชรเกษมประมาณ
147 ตารางวามาทำโครงการบ้านขาย ซึ่งในสมัยนั้นราคาหมื่นกว่าบาทต่อหลังเท่านั้น
และกำไรจากตรงนี้ เถ้าแก่โชคชัยก็ได้ใช้เป็นเงินหมุนทำโครงการที่อยู่อาศัยอื่นๆ
อีกประมาณ 50 โครงการ โดยใช้ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด โชคชัยปัญจทรัพย์ และ
บริษัทปัญจทรัพย์เคหะการ เป็นผู้ดำเนินงาน
ผลงานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของกลุ่มโชคชัยก็คือ การบุกเบิกทำโครงการจัดสรรบ้านและที่ดินย่านลาดพร้าวเมื่อปี
2505 โดยเฉพาะการปรับปรุงถนนโชคชัย 4 จนเป็นย่านชุมชนที่มีความเจริญแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
นอกจากนั้น การพัฒนาซอยร่วมมิตร ซอยจันทิมา ก็ยังเป็นผลงานของกลุ่มนี้เช่นกัน
โชคชัยปักหลักพัฒนาโครงการย่านลาดพร้าวอยู่หลายปี จนประมาณปี 2523 ก็ได้ขยายโครงการไปทางย่านคลองจั่น
นับว่าเป็นโครงการใหญ่โครงการหนึ่งในพื้นที่ประมาณ 300 ไร่มีที่อยู่อาศัยประมาณ
1,000 ยูนิต
หลังจากโครงการนี้โชคชัยก็หยุดทำโครงการใหญ่ ๆ ไปพักหนึ่ง ทำแต่เพียงโครงการเล็ก
ๆ รวมทั้งกว้านซื้อที่ดินเก็บไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เองที่ชื่อของหมู่บ้านโชคชัยเริ่มเลือนหายไปจากวงการ
จนกระทั่งเมื่อปี 2537 ท่ามกลางโครงการที่อยู่อาศัยที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย
การแข่งขันกันขายกำลังดุเดือด ชาญชัย ปัญจทรัพย์ ทายาทคนที่ 3 ของโชคชัยก็กลับเข้ามาในวงการที่อยู่อาศัยพร้อมๆ
กับหวังที่จะปลุกชื่อเสียงของกลุ่มให้เป็นที่รู้จักกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง
หลังจากไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศนับ 10 ปีจนคว้าปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมโยธาและปริญญาโททางด้านการบริหารมาจากสหรัฐอเมริกา
ในปี 2534 เขาก็เริ่มทำงานในบริษัท RKV เอนจิเนียริ่งคอนชัลแตนท์ของ ดร.
รชฏ กาญจนวณิชย์ รับผิดชอบโครงการตึกเทเลคอมทาวเวอร์ 36 ชั้นบนถนนรัชดาภิเษก
พอจบงานนี้ชาญชัยก็ขอกลับมาทำงานของครอบครัวทันที
บริษัทปัญจทรัพย์ จำกัด จึงเกิดขึ้นเมื่อปี 2537 โดยมีชาญชัยเป็นกรรมการผู้จัดการ
เริ่มทำโครงการแรกคือ ปัญจทรัพย์ไพรเวทโฮม โครงการบ้านจัดสรรระดับกลางเนื้อที่
50 ตารางวาขึ้นไป ในราคาเริ่มต้นที่ 2.4 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนสายวงแหวน-ตลิ่งชัน
โครงการนี้นับเป็นโครงการแรกของโชคชัยปัญจทรัพย์รุ่นที่ 2 ในปี 2538 ก็ได้ทำโครงการต่อมาคือ
ปัญจทรัพย์คอนโด ราคาเริ่มต้นที่ 4.9 แสนบาท โครงการโชคชัยปัญจทรัพย์สวีท
ราคาเริ่มต้นที่ 7.4 แสนบาท ทั้ง 2 โครงการตั้งอยู่ในซอยโชคชัย 4 ลาดพร้าว
และเป็นการพัฒนาเป็นโครงการแนวสูงโครงการแรกของบริษัท
ส่วนอีก 2 โครงการที่มีแผนจะเปิดตัวในปี 2540 นี้ คือโครงการปัญจทรัพย์พาร์คในที่ดิน
178 ไร่ ริมถนนปิ่นเกล้านครชัยศรี กม. ที่ 15 และโครงการปัญจทรัพย์ไพรเวท
คอมเมอเชียล อีก 30 ยูนิตบนถนนสายวงแหวนตลิ่งชัน
จากปี 2537 ถึงปัจจุบัน ชาญชัยได้เปิดโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องอีก
4โครงการรวมมูลค่าโครงการประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท
แม้ว่าจะมีคู่แข่งทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าเกิดขึ้นมากมายกลยุทธ์ต่างๆ ล้วนแล้วแต่แตกต่างกับการทำจัดสรรในยุคแรก
ๆ ของบิดา แต่ชาญชัยก็มั่นใจว่าจุดเด่นของบริษัทในหลาย ๆ เรื่องจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้รุ่นแรก
ๆ จุดดีที่ว่านี้ก็คือ 1.ความน่าเชื่อถือที่ลูกค้าวางใจได้จากชื่อเสียงของโครงการต่าง
ๆ ที่ผ่านมา 2. ข้อได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนที่ดินซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดินเก็บทำให้สามารถทำโครงการในราคาที่ต่ำกว่าโครงการอื่น
ๆ ในย่านเดียวกัน เมื่อไม่มีต้นทุนทางที่ดิน เงินกู้ก็น้อย ก็ยิ่งเป็นผลดีกับบริษัท
สิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือทีมบริหาร ต้องยอมรับว่าหมู่บ้านของโชคชัยรุ่นเก่านั้นมีการบริหารแบบระบบครอบครัวคนจีน
แต่ในยุคของเขานี้จะพยายามเปลี่ยนจากระบบครอบครัวสู่ระบบที่เป็นสากลมากขึ้น
รวมทั้งในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ซึ่งที่ผ่านมาโชคชัยจะไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เลย
แต่มาถึงยุคนี้ชาญชัยกล่าวว่างานประชาสัมพันธ์เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก
ปีนี้จึงนับได้ว่าเป็นปีที่ชาญชัยต้องรับศึกหนัก ไม่ว่าการทำยอดขาย 800
กว่าล้านบาท การฟอร์มทีมงานซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ เพื่อพลิกค้นกลยุทธ์สู้กับค่ายอื่น
ๆ ซึ่งแน่นอนไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ในเมื่อสิงห์เจนสนามเรียลเอสเตทหลายรายถึงกับเข่าอ่อนเมื่อประสบกับปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน
แต่ที่สำคัญกลุ่มนี้ยังมีที่ดินเหลือเก็บอีกมากมายไม่ว่าย่านมีนบุรี ปิ่นเกล้า
ที่ดินต่างจังหวัด หรือในต่างประเทศ เช่น ที่รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นเมืองที่ชาญชัยเคยเรียนอยู่แล้วเถ้าแก่โชคชัยเคยไปซื้อทิ้งไว้อีกประมาณ
2,000 ไร่
อย่างไรก็ตามไม่ว่าที่ดินต่างจังหวัด หรือแปลงใหญ่ในรัฐเท็กซัสนั้นเป็นที่ดินที่ต้องรอจังหวะในการพัฒนาอีกนาน
แต่แปลงที่เป็นทรัพย์สินเป็นเนื้อเป็นหนังของกลุ่มนี้ที่เห็น ๆ ก็คือ ที่ดิน
50 กว่าไร่บนถนนรัชดาภิเษกทั้ง 2 ฝั่งรวมกัน ประมาณ 50 กว่าไร่ โดยส่วนหนึ่งที่ปล่อยให้เป็นเต็นท์รถเช่าอยู่นั้นมีมูลค่ามหาศาลกว่า
5,000 ล้านบาทแน่นอน
ครั้งหนึ่งที่ดินแปลงนี้เคยเป็นที่ดินที่หอมหวานแปลงหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศรุมจ้องขอซื้อ
หรือเช่า โดยที่โชคชัยเองก็เคยวาดแผนไว้หลายอย่างไม่ว่าจะสร้างอาคารสำนักงาน
โรงแรม ศูนย์การค้า หรือศูนย์ประชุม แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจก็มาเกิดช่วงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจพอดี
ก็เลยเป็นหลักทรัพย์ก้นถุงก้อนใหญ่ให้ปัญจทรัพย์รุ่น 2 เก็บไว้ให้อบอุ่นหัวใจ