คาโอฯเปลี่ยนนายใหม่ทุ่ม4พันล.ชูไทยศูนย์ผลิต


ผู้จัดการรายวัน(11 ธันวาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

คาโอฯ ทุ่ม 4,000 ล้านบาท ผุดโรงงานแห่งใหม่ย่านอมตะนคร เพิ่มกำลังผลิต 1.5 เท่า หวังดันไทยศูนย์กลางการผลิต-กระจายสินค้าอาเซียน ตั้งเป้าส่งออกปีหน้าโต 110% ล่าสุดแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ “ชิเกรุ อูเอยามา” ผ่ามรสุมปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ และภาวะการแข่งขัน ฉุดรายได้ปีนี้โตช้าแค่ 9% หรือราว 6,500 ล้านบาท ประกาศนโยบายปีจอเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์-แบรนด์สินค้า ชูการสื่อสารการตลาดแบบ 2 ทางกับผู้บริโภค

นายโมโตกิ โอซากิ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาโอ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยถึงการลงทุนในประเทศไทยว่า คาโอฯได้ลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อก่อตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร บนพื้นที่ 130,000 ตารางเมตร ซึ่งมีพื้นที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 เท่า มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า เริ่มเดินเครื่องตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ เพื่อผลิตสินค้าอุปโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผ้าอนามัย เครื่องสำอาง รวมถึงเคมีภัณฑ์ ฯลฯ

ทั้งนี้โรงงานที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ จะเป็นศูนย์กลางการผลิตและกระจายสินค้าในภูมิภาคอาเซียน 10 ประเทศ กำลังผลิตจะเน้นเพื่อป้อนตลาดภายในประเทศมากกว่าการส่งออก ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มส่งออกไปแล้ว ที่ ประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์และมาเลเซีย และภายหลังจากคาโอฯผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตในอาเซียน ในปีหน้านี้ตั้งเป้าไว้ว่า ผลประกอบการโดยรวมของคาโอจะมีอัตราการเติบโต 110%

“คาโอฯ ประเทศญี่ปุ่น ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ที่มีศักยภาพเหนือกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ ซึ่งคาโอฯ เล็งเห็นว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ที่ยาวนานของไทยและญี่ปุ่น จะทำให้สัมพันธภาพทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศแข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคต ภายใต้ข้อตกลงทางการค้า FTA ของ 2 ประเทศ” นายโอซากิ กล่าว

สำหรับผลประกอบการในไทยปีนี้คาดว่าจะทำได้ 6,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่ช้าลงคือโต 9% เนื่องจากผลพวงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นและสถานการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือจีดีพีของไทยขยายตัวได้เพียง 7-8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโต 10% อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่คาโอฯเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภครายอื่นๆก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

ภายใต้การแข่งขันที่มีความรุนแรงและแนวโน้มตลาดสินค้าอุปโภคที่มีอัตราการเติบโต 4% ในปีหน้า บริษัทฯจะอาศัยความได้เปรียบจากคู่แข่ง ในฐานะเป็นคนเอเชียด้วยกัน ที่สามารถเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนเอเชียได้มากกว่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประเทศตะวันตก พร้อมกับการเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ผ่านการสื่อสารการตลาดแบบ 2 ทาง ที่จะให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้บริโภค เพื่อให้เข้าใจถึงไลฟ์สไตล์ ซึ่งแนวทางดังกล่าวส่งผลให้คาโอในญี่ปุ่นเติบโตก้าวไปเป็น 1 ในบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและเครื่องสำอางที่มียอดขาย 940 พันล้านเยนต่อปี

ล่าสุดบริษัทแม่ได้แต่งตั้งให้ นายชิเกรุ อูเอยามา เป็นประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้มารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แทนที่นายชินอิจิโร ฮิรามิน่า ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนก่อน

โดยนายอูเอยามา กล่าวถึงนโยบายการตลาดในปีหน้าว่า บริษัทฯจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ และแบรนด์สินค้า และการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะทำให้คาโอฯก้าวล้ำในการเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้บริโภคและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ โดยจะให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นอันดับแรก เปิดรับฟังความคิดเห็น และการสื่อสารการตลาดแบบ 2 ทางกับผู้บริโภค ในเบื้องต้นปีหน้านี้ได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการกันแดดลงสู่ตลาดในประเทศไทย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.