MME ควง TUCC ให้กำไรรายย่อย "ซีมิโก้" ได้ทีโวปีนี้เหนือจองทุกตัว


ผู้จัดการรายวัน(9 ธันวาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"ไมด้า-เมดดาลิสท์" ควงแขน "ไทยยูนีคคอยล์" ย่ำรอยหุ้นน้องใหม่ค่ายซีมิโก้ปีนี้เหนือจองทุกตัว บิ๊กซีมิโก้ ชี้ปีนี้ผลงานดีลูกค้าสนใจให้เป็นอันเดอร์ไรต์ฯ หุ้นเพียบ ด้าน "กมล" ย้ำศักยภาพบริษัทฯ ดี "โสภาวดี" เชื่อหุ้นใหม่ท้ายปีน่าจะสดใสตามหลัง 3 หุ้นน้องใหม่เทรดวันเดียวกันเหนือจองรวดทั้งหมด บล. ซีมิโก้ โชว์ผลงานด้านวาณิชฯ สุดสวย หุ้นที่ดูแลปรับขึ้นทั่วหน้า

วานนี้ (8 ธ.ค.) มีหุ้นที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) คือ หุ้น บมจ. ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ (MME) ซึ่งมี "นายกมล เอี้ยวศิวิกูล" เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เข้าซื้อขายเป็นวันแรก จากราคาจองซื้อ (IPO) อยู่ที่ 8 บาท เปิดตลาดซื้อขายที่ 8.50 บาท โดยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 9.55 บาท ก่อนจะปรับลดลงมาปิดที่ 8.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 3.12% มูลค่า การซื้อขาย 475.48 ล้านบาท

ส่วนหุ้น บมจ.ไทยยูนีคคอยล์ เซ็นเตอร์ (TUCC) ที่เข้าซื้อขายเป็นวันแรก จากราคาจองซื้อที่ 2.70 บาท เปิดตลาดซื้อขายที่ 3.66บาท และปรับตัวสูงสุดที่ 3.80 บาท ซึ่งถือเป็นราคาปิดเพิ่มขึ้น 1.1 บาท หรือ 40.74% มูลค่าการซื้อขาย 390.15 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นน้องใหม่ดังกล่าวปรับตัวเหนือจองให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนในวันแรก สวนทิศทางตลาดหุ้นไทยโดยรวมที่กลับมาทรุดตัวลง หลังนักลงทุนเทขายทำกำไร

นายกมล เอี้ยวศิวิกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไมด้า-เมดดาลิสท์ เอนเธอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MME กล่าวว่า รู้สึกพอใจที่ไม่ได้สร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุน เพราะหุ้นราคาปรับเหนือราคาจองได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะว่าภาวะตลาดหุ้นดีขึ้นหลังจากปัญหาทางการเมืองระหว่างนายกรัฐมนตรี กับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล คลี่คลาย

ทั้งนี้ หุ้นของบริษัทเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งธุรกิจนี้เป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายดอกลำโพงและตู้ลำโพงสำหรับเครื่อง (กระดานปาเป้า) ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 55% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 25-30% เพราะฉะนั้น หากบริษัทฯ ได้รับยอดสั่งซื้อมากก็จะส่งผลให้กำไรปรับตัวดีขึ้น

ส่วนประเด็นที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งหนังสือโดยให้บริษัทชี้แจงการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อมูลในหนังสือชี้ชวนบริษัทก็พร้อมจะดำเนินการชี้แจงภายใน 3 วัน ตามระยะเวลาที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด โดยที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 160 ล้านบาท ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ความเข้าใจในเรื่องตัวเลขผิดพลาด เพราะหากเปรียบเทียบกับยอดขายที่อยู่ที่ระดับ 205 ล้านบาท เป็นไปไม่ได้ว่าบริษัทจะมีกำไรถึง 160 ล้านบาท

ส่วนข้อมูลการขยายการส่งออกสินค้าของบริษัทไปยังประเทศต่างๆ 11 ประเทศ แต่ที่ระบุในหนังสือชี้ชวนระบุไว้เพียง 4 บริษัท เนื่องจากในช่วงที่ยื่นไฟลิ่งให้สำนักงาน ก.ล.ต.บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจา ขณะที่ในวันที่มีการแถลงข่าวบริษัทได้ข้อสรุปในเรื่องการส่งสินค้าตามที่แถลงคือ 11 ประเทศ

อนึ่ง ได้มีการซื้อขายรายการใหญ่ (บิ๊กล็อต) ในหุ้นบริษัทไมด้า-เมดดาลิสท์ฯ จำนวน 20 รายการ คิดเป็น 17.8 ล้านหุ้น มูลค่าการซื้อขาย 142.4 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 8 บาท

ซีมิโก้ฟุ้งปีนี้ผลงานเยี่ยม

นางปิ่นมณี เมฆมัณฑนา ผู้อำนวยการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบมจ. ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอนเธอร์เทนเม้นท์ กล่าวว่า ผลงานของ บล.ซีมิโก้ ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการ จำหน่ายบริษัทใหม่ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงที่ผ่านมา ผลงานถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ราคาหุ้นบริษัทต่างๆ สามารถปรับขึ้นเหนือราคาจองซื้อได้โดยตลอด ซึ่งทำให้หลายบริษัทมีความสนใจที่จะให้บริษัทเข้าไปจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ บล.ซีมิโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินหรือเป็นแกนนำในการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย (ลีดอันเดอร์- ไรเตอร์) ภายในปีนี้ ประกอบด้วย บมจ. ค้าเหล็กไทย (TMT), บมจ.เพิ่มสิน สตีล อินดัสทรี (PERM), บมจ.โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ (GC) และเตรียมที่จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในปีนี้อีก ประกอบด้วยบริษัทเอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด(มหาชน)และยังมีบริษัทสตีล อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) ที่บล.ซีมิโก้ เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

TUCC เชื่อ Q4 ดีกว่า Q3

นายยงยุทธ งามไกวัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUCC กล่าวว่า พอใจกับราคาหุ้นที่ซื้อขายในวันแรก ที่สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2.70 บาทได้ จากปัจจัยพื้นฐานบริษัทที่ดี ประกอบกับการดำเนินงานของธุรกิจมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่อง แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม

บริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 4/48 จะออกมาดีกว่าในช่วงไตรมาส 3/48 ที่มีกำไรสุทธิ 25.09 ล้าน บาท เนื่องจากบริษัทมีคำสั่งซื้อค่อนข้างมาก โดยคาดรายได้ทั้งปีจะอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2549 รายได้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากปี 2548 เพราะหลังจากทางบริษัทฯ มีการระดมทุน ก็พร้อมจะนำเงินที่ได้มาซื้อเครื่องจักรขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ดังนั้นผลประกอบการในอนาคตคงจะดีขึ้น

ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 3/48 ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิ 58.13 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.35 บาท กำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.93 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.01 บาท ส่วนงวด 9 เดือนในปี 2548 มีกำไรสุทธิ 104.93 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.39 บาท กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.02 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท

หุ้นใหม่ที่เหลือมีลุ้น

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หุ้นใหม่ที่เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และตลาดเอ็มเอไอช่วงหลังจากนี้น่าจะดีขึ้น หลังจากวานนี้ (8 ธ.ค.) หุ้นไอพีโอเข้าซื้อขายถึง 3 บริษัทก็สามารถยืนเหนือจองได้

ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองได้คลี่คลายทำให้ตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัว และนักลงทุนมีความมั่นใจที่จะกลับมาลงทุนมากขึ้น โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีความเชื่อในพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย

"นักลงทุนรายย่อยยังนิยมที่จะเล่นหุ้นเก็งกำไร ซึ่งจริงๆ แล้วควรจะต้องมีพื้นฐานของบริษัทประกอบด้วยตลาดหุ้นไทยจะต้องเพิ่มจำนวนนักลงทุนสถาบัน ซึ่งจะทำให้ดูหุ้นปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น" นางสาวโสภาวดีกล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.