ปริญสิริฉวยนโยบายรัฐพลิกผัน ลุยซื้อที่ดินราคาถูกเข้าสต็อก


ผู้จัดการรายสัปดาห์(12 ธันวาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของนโยบายการลงทุนโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนของภาครัฐว่าจะยังยืนนโยบายเดิมที่วางไว้ตั้งแต่ก่อนการหาเสียงเลือกตั้ง หรือจะปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนหลังจากที่ได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล หรือเฮียเพ้ง

ความสับสนวุ่นวายในช่วงนั้น ทำให้บรรยายกาศการลงทุนของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศในช่วงนั้นเสียสูญทันที เพราะเริ่มไม่เชื่อมั่นในนโยบายการบริหารจัดการประเทศของรัฐบาลแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเก็งกำไรจากราคาที่ดินบริเวณรายรอบสถานีรถไฟฟ้า แนวทางเดินรถ ที่นักเก็งกำไรแห่เข้าไปเก็งกำไรราคาที่ดินกันอย่างครึกโคม จนทำให้ราคาที่ดินพุ่งสูงเพิ่มขึ้น 40-50% หรือบางแปลงสูงกว่า 100%

เมื่อ "พงษ์ศักดิ์" ออกมาประกาศว่าจะปรับเปลี่ยนระบบเดินรถ เส้นทาง รวมถึงลดขนาดหรือย่นระยะทาง ทำให้ราคาที่ดินรูดลดต่ำลงทันที อย่างน้อย 10% โดยเฉพาะแปลงที่ตั้งอยู่แนวสายทางเดินรถ

ในส่วนนี้ ผู้ประกอบการที่มีความกล้าหาญ ไม่สนใจกับนโยบายรัฐบาล ที่สำคัญมีความมั่นใจในศักยภาพของที่ดินที่ไม่ต้องพึ่งพาระบบขนส่งมวลชน รีบเข้าซื้อที่ดินทันที นัยว่าโอกาสทองแบบนี้หายาก ดังนั้น เมื่อที่ดินราคาลดลง โดยเฉพาะแปลงที่ตั้งในทำเลที่ต้องการจะขยายการลงทุนแล้ว จะรีบเข้าไปซื้อทันที เพื่อไว้เป็นแลนด์แบงก์ รอการพัฒนาในอนาคต ซึ่งการเลือกซื้อที่ดินในช่วงขาลง จะทำให้ได้เปรียบคู่แข่งในทำเลเดียวกัน เพราะอย่างน้อยก็มีต้นทุนที่ดินราคาต่ำกว่าคู่แข่ง

ชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเตรียมเงินสำหรับซื้อที่ดินในปีหน้าประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะซื้อได้ 4-5 แปลง ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาได้ซื้อที่ดินเพิ่ม 1 แปลง ตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 5 เพราะเป็นทำเลที่ดี ตั้งอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า มัศักยภาพสูง เหมาะที่จะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งที่ดินบริเวณดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจำนวนมาก และได้ไปลงทุนเปิดโครงการใหม่กันหลายราย อาทิ ลลิล พร็อพพอร์ตี้ ,ศุภาลัย และแสนสิริ เป็นต้น

ทั้งนี้ ราคาที่ดินในบริเวณนี้พุ่งพรวดไปมากช่วงที่ฮอต ๆ ราคาถีบตัวสูงถึงไร่ละ 5 ล้านบาท จากที่ก่อนหน้านี้ราคา 2-3 ล้านบาทเท่านั้น หลังจากที่นโยบายรัฐบาลต้องการลงทุนโครงข่ายระบบรางรอบกรุงเทพฯ และเมื่อกระทรวงคมนาคม โดยพงษ์ศักดิ์ ออกมาบอกว่าจะมีการปรับลดแผนการลงทุนลง โดยเฉพาะสายสีม่วงที่จะเปลี่ยนระบบการเดินรถจากเฮฟวี่ เรลเป็นรถเมล์ด่วนพิเศษหรือ BRT แทน ทำให้ราคาที่ดินรูดลงทันทีอย่างน้อย 10% บริษัท เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีจึงได้เข้าไปซื้อที่ดินในบริเวณพระราม 5 เพื่อรอการพัฒนาเป็นโครงการบ้านจัดสรรในอนาคต

"หากบริษัทลงทุนโครงการที่พระราม 5 จะได้เปรียบคู่แข่งทันที เพราะมีต้นทุนค่าที่ดินต่ำกว่า ซึ่งจะทำให้ตั้งราคาได้ถูกกว่า รวมถึงนโยบายของปริญสิริ ที่จะใช้กลยุทธ์ด้านราคาเป็นธงนำในการแข่งขัน โดยบ้านที่พัฒนาจากปริญสิริจะมีราคาต่ำกว่าคู่แข่งทุกทำเล ขณะที่คุณภาพใกล้เคียงกัน "

สำหรับแผนการลงทุนปีหน้า ชัยวัฒน์ กล่าวว่า มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่อย่างน้อย 10 แห่ง เป็นการลงทุนของปริญสิริ 7 แห่ง เน้นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมระดับปานกลางขึ้นไป ส่วนอีก 3 แห่ง เป็นการลงทุนร่วมกับพันธมิตรผ่านบริษัทปริญเวนเจอร์ จะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และโฮมออฟฟิต คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 5,595 ล้านบาท

ชัยวัฒน์กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนสู่คอนโดมิเนียมมากขึ้น จากที่ได้ลงทุนโครงการคอนโดมิเนียม ระดับกลาง บริเวณลาดพร้าวแล้ว 1 แห่ง ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า และมีแผนที่จะลงทุนคอนโดมิเนียมอีก 1 แห่ง สูง 20 กว่าชั้น เกาะแนวรถไฟฟ้า บริเวณถนนราชปรารภ ใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พื้นที่ 3 ไร่เศษ มูลค่า 1,200 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายปีหน้า หรือไม่เกินต้นปี 2550 นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะทำเซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ บริเวณถนนนราธิวาสราชนครินทร์ สาทร อนุสาวรีย์ฯ หรือบริเวณเกาะแนวโครงข่ายคมนาคมด้วย

ปัจจุบันปริญสิริ มีโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการรวม 13 แห่ง คาดว่าจะปิดการขายได้ 3 แห่งในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า และเมื่อลงทุนโครงการใหม่อีก 10 แห่ง จะทำให้มีโครงการอยู่ระหว่างดำเนินงานรวม 20 แห่ง สำหรับผลประกอบการปี 2548 ตั้งเป้ายอดขาย 4,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกมียอดขายแล้ว 3,200 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ 2,200-2,300 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.