|

กองทุนต่างชาติชี้หุ้นไทยเด่น เหตุพีอีถูกกว่าตลาดในภูมิภาค
ผู้จัดการรายวัน(8 ธันวาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ผู้จัดการกองทุนต่างชาติประเมินหุ้นไทยเด่นในแง่ของราคาซึ่งถูกกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค ชี้สาเหตุหลักมาจากปัญหาการเมืองและความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ ระบุสัดส่วนการกู้เงินต่างประเทศของรัฐบาลไทยที่สูงถือเป็นเรื่องดีสะท้อนถึงการลงทุนที่มีอย่างต่อเนื่อง
นายแดเนียล เจ ฟาส รองประธานกรรมการ Loomis Sayles & Company, L.P. ในฐานะผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้กล่าวในงานสัมมนา "Economic & Market Outlook" ซึ่งจัดโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด ถึงภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังจะกลับมาเป็นปัญหาของสหรัฐฯอีกครั้ง เนื่องจากปัจจุบันผู้ผลิตในประเทศส่วนใหญ่ มีสัดส่วนกำลังการผลิตส่วนเกินเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่งผลให้มีโอกาสที่ผู้ผลิตจะต้องปรับขึ้นราคาสินค้า
ทั้งนี้ ในช่วงของการเริ่มต้นที่อัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวขึ้นในขณะนี้จะไม่ส่งผลในแง่ลบมากนัก เพราะยังอยู่ในอัตราที่ต่ำอยู่ซึ่งอาจจะมีผลกระทบในระยะต่อไปมากกว่า นายแดเนียลกล่าวว่า ปัจจัยดังกล่าวยังไม่ส่งผลทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้มากนัก แต่จะส่งผลในการพิจารณาครั้งต่อไปมากกว่า ซึ่งจะมีส่วนทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงนี้ จะไม่ใช่การปรับขึ้นขาเดียวอย่างเช่นช่วงที่ผ่านมา โดยอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะขึ้นๆ ลงๆ เป็นช่วงๆ อย่างไรก็ตาม การที่กำลังการผลิตของบริษัทเอกชนที่เริ่มเต็มแล้ว มีแนวโน้มที่จะเข้ามาแย่งเงินรัฐบาลใช้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อไปได้ โดยคาดว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าดอกเบี้ยเฟดจะขยับตัวไปถึงจุดสูงสุดอยู่ที่ 4.5-4.75%
นอกจากนี้ ปัจจุบันสหรัฐฯกำลังประสบกับปัญหาการขาดดุล การค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ ซึ่งทำให้ระยะต่อไปสหรัฐฯจะต้องพึ่งประเทศแถบเอเชียมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มประเทศเหล่านี้เป็นผู้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.255 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ
นายแดเนียลกล่าวต่อถึง มุมมองการลงทุนในประเทศไทยว่า การเติบโตของประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศจีน แต่ในขณะที่ไทยยัง มีปัญหาภายในประเทศ ทั้งเรื่องการเมือง ความไม่สงบในชายแดน ภาคใต้
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยและสัดส่วนการกู้เงินต่างประเทศของรัฐบาลไทย จะสูงกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปัจจัยถือเป็นเรื่องดี และ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไทยมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าไม่มีการกู้ยืม ก็แสดงว่าไม่มีการลงทุนเพิ่ม สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น
นายแดเนียลมองในฐานะ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ว่า ตลาดหุ้นไทยยังถือว่าถูกมาก ซึ่งปัจจัยหลักก็มาจากปัญหาเรื่องการเมืองและปัญหาภาคใต้ แต่ปัจจัยดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นไทยเด่นขึ้นมากว่าตลาดอื่นๆในภูมิภาคบวกกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉลี่ยก็มีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่น
ด้านนางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า ในปีหน้ายังให้น้ำหนักกับการลงทุนในหุ้นอยู่ เพราะยังมีจุดเด่นที่ P/E Ratioของตลาดหุ้นไทยยังถือว่าถูกมากในระดับ 8.5 เท่าในปัจจุบัน ซึ่งผู้ลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น จะต้องให้ความสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศมากกว่าปัจจัยอื่นๆ เช่นเรื่องของการเมือง
อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นขยายตัวได้ 20% น่าจะเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน (อาร์/พี) ของธนาคารแห่งประเทศไทย เชื่อว่าน่าจะถึงจุดสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าโดยคาดว่าจะขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.25-4.5% แต่คง ต้องพิจารณาถึงปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อ ด้วย
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|