"ทรู"เร่งขยายเครือข่าย"เน็ตไร้สาย"เชื่อแนวโน้มโตแบบโทรศัพท์มือถือ


ผู้จัดการรายวัน(7 ธันวาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

กลุ่มทรูเร่งขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย หลังเชื่อ ว่าแนวโน้มการใช้บรอดแบนด์จะเหมือนกับการโตของโทรศัพท์มือถือ ด้วยทุนที่วางไว้แล้วกว่า 700 ล้านบาท จนขณะนี้ครอบคลุมการให้บริการในกรุงเทพฯแล้ว 2,000 จุด และจะเป็น 2,500 จุดในปีหน้า ส่วนต่างจังหวัดยังเดินไปพร้อมกับพาร์ตเนอร์

นายธิติฎฐ์ นันทพัฒน์สิริ ผู้อำนวยการบริหาร Home/Consumer Solution & High Speed Access บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงการให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านเทคโนโลยีไว-ไฟหรือฮอตสปอตว่า ไว-ไฟเป็นแนวโน้มใหม่ของไลฟ์-สไตล์คนเมืองในหลายๆ ประเทศที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนเมืองได้ทุกที่ ทุกเวลา

ทรูได้มีการขยายบริการดังกล่าว อย่างต่อเนื่องจากเริ่มแรกเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาเพียง 80 จุด จนปัจจุบันขยายจนถึง 2,000 จุด และมีแผนจะขยายให้ครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพฯแบบ 100% ด้วยเครือข่าย 2,500 จุด จากงบประมาณที่เตรียมไว้สำหรับบริการไว-ไฟทั้งหมดประมาณ 600-700 ล้านบาท

การที่กลุ่มทรูเร่งขยายบริการเน็ตไร้สาย เพราะเชื่อว่าแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริการจะมีการใช้งาน เหมือนมือถือ ที่มีอัตราการโตอย่างต่อ เนื่องและรวดเร็ว เพราะขณะนี้อุปกรณ์สื่อสารที่รองรับไว-ไฟมีมากขึ้น ราคาถูกลง รวมถึงค่าบริการที่เริ่มถูกลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีหน้าคาดว่าจะมีผู้ใช้ไว-ไฟเป็นหลักแสนรายขึ้นไป จากปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งบรอดแบนด์และพรีเพดการ์ดประมาณ 1 หมื่นราย

แต่ที่สำคัญเป็นการต่อยอดบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์ของกลุ่มทรูที่ปัจจุบันมีผู้ใช้ประมาณ 3 แสนกว่าราย ซึ่งจะทำ ให้ลูกค้าของทรูสามารถใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย จนทำให้กลุ่ม ทรูมีรายได้จากบริการบรอดแบนด์ในปีนี้ประมาณ 2,500 ล้านบาท

"6 เดือนที่ผ่านมาเรามีลูกค้า บรอดแบนด์ต่อเดือนเพิ่มสูงมาก ซึ่งตรงนี้จะคล้ายกลับฟิกซ์ไลน์กับมือถือ เพราะขณะนี้โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะรองรับไว-ไฟ และส่วนนี้จะเป็น การเสริมบรอดแบนด์ที่คนเคยใช้ในบ้านหรือที่ทำงานแล้วต้องการนำไปใช้ นอกบ้านด้วย" นายนพปฎล เดชอุดม ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป ด้าน Mail-line ของทรูกล่าวเสริม

ส่วนการให้บริการไว-ไฟในพื้นที่ ต่างจังหวัด กลุ่มทรูจะไปพร้อมกับพาร์ตเนอร์ เช่น ห้างเดอะมอลล์ ก็จะมีทุกสาขา หรือเซ็นทรัลก็จะมีทุกสาขา เป็นต้น

ในโอกาสขยายเครือข่ายไว-ไฟครบ 2,000 จุด กลุ่มทรูได้มีการจัดรายการพิเศษที่เรียกว่า Wi-Fi be Wirefree Campaign เพื่อสร้างการรับรู้และให้ประชาชนเข้ามาทดลองใช้งานเครือข่ายอิสระไร้สายให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยให้สิทธิพิเศษกับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันที่ใช้บรอดแบนด์ ของทรูและผู้ใช้มือถือออเร้นจ์แบบราย เดือน ใช้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี 10 ชั่วโมงและยังได้รับสิทธิค่าบริการ รายเดือนแบบไม่จำกัดชั่วโมงเพียง 250 บาท ส่วนลูกค้าใหม่จะได้รับสิทธิ ทดลองใช้ฟรีนาน 30 นาที และสามารถใช้บริการแบบเหมาจ่ายรายเดือนในราคา 500 บาท นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญไว-ไฟ พาสปอร์ต ที่ให้ลูกค้าที่ใช้บริการมากสุดลุ้นรับรางวัล รวมมูลค่ากว่า 7 แสนบาท

นอกจากไว-ไฟแล้วกลุ่มทรูยังยืนขอคลื่นไวแมกซ์ จากคณะกรรม-การกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไวแมกซ์จะมีการส่งต่อสัญญาณเหมือนกับคลื่นมือถือ และมีรัศมีการส่งสัญญาณ เป็นระดับกิโลเมตร ซึ่งต่างจากไว-ไฟที่ส่งสัญญาณได้ไม่กี่เมตร สำหรับไว-แมกซ์ขณะนี้กลุ่มทรูได้ทดลองอยู่กับอินเทล ที่มีชิปเซ็นทริโนในโน้ตบุ๊กซึ่งรองรับการใช้งานแบบไร้สายโดยตรง

นายธิติฎฐ์กล่าวถึงอัตราการโตของอินเทอร์เน็ตว่า ตลาดโดยรวมยังโตต่อเนื่อง แต่ขณะนี้ยังติดปัญหาเรื่องของแบนด์วิดท์ ซึ่งเป็นวงจรเช่าที่ไม่เพียงพอกับความต้องการ แต่ถ้าจะทำให้ตลาดอินเทอร์เน็ตโตมากขึ้น ภาครัฐต้องแก้ปัญหาเรื่องของเกตเวย์ได้ที่วงจรเช่าไม่เพียงพอก่อน เพราะหากมีการแก้ไขปัญหาตรงนี้จะทำให้มีการดาวน์โหลดข้อมูล และการเข้าถึงข้อมูลมากขึ้น เพราะสิ่งที่จะทำให้อินเทอร์เน็ตโตคือการเข้าถึงข้อมูล

รอไลเซนส์เกตเวย์

นายนพปฎล เดชอุดม ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป ด้านMain-Line บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ ทรู กล่าวว่า หากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ไม่สามารถออกใบอนุญาต(ไลเซนส์) สำหรับวงจรเชื่อมต่อต่างประเทศ(เกตเวย์) กับ ทรู ได้ตามระยะเวลาหรือมีเงื่อนไขที่ไม่สามารถดำเนินการได้ จะส่งผลกระทบ ต่อการทำตลาดธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง(บรอดแบนด์) ที่ทรูอาจจะ มีการชะลอตัวการแข่งขันในการสร้างลูกค้าใหม่ เนื่องจากวงจรเกตเวย์ที่ ทรู เชื่อมต่อผ่าน บริษัท กสท โทรคม-นาคม จำกัด(มหาชน) หรือ กสท ไม่สามารถเพิ่มวงจรได้อีกและไม่สามารถ รองรับการขยายตัวได้ทัน ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาเกือบ 3 เดือน นับจากเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ในปัจจุบัน ทรูมีอัตราการ ขยายตัวของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในสิ้นปี 48 คาดว่าจะมีกลุ่มลูกค้าใช้บรอดแบนด์เป็นจำนวน 4 แสนราย ซึ่งหาก กทช. ออกไลเซนส์ดังกล่าวได้จะช่วยลดปัญหาได้
"ถึงแม้ กทช. จะออกให้ได้ ก็จะช่วยรองรับสถานการณ์ได้เพียง 5 ถึง 6 เดือน กว่าที่ทรูจะมีเกตเวย์เป็นของตัวเอง ซึ่งในส่วนนี้มีผลต่อการทำตลาดมากหรือความต้องการของผู้ใช้ ที่ปัจจุบันเริ่มให้ความสนใจใช้งานมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง"

ขณะเดียวกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นนอกจากจะเป็นการขยายตัวของจำนวนผู้ใช้แล้ว อีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ การใช้บริการคอนเทนต์จากต่างประเทศมากกว่าของไทย จึงทำ ให้วงจรที่ ทรู เช่าอยู่ไม่สามารถรอง รับได้ทัน การที่ ทรู ได้ดำเนินการยื่นขอไลเซนส์จะเป็นการช่วยลดปัญหาในการต่อวงจรออกต่างประเทศและการช่วยลดต้นทุนการให้บริการ ที่จะส่งผลให้อัตราค่าบริการจะถูกลง ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวทางที่ กทช. ต้องการให้เกิดบริการที่สอดคล้องกับความเป็นจริง มีอัตราราคาที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้

สำหรับแนวทางการลงทุนในส่วนนี้ยังไม่สามารถชี้แจงได้ ซึ่งจะต้องรอผลจาก กทช. ว่าจะกำหนดแนวทางการออกไลเซนส์ไปในลักษณะ ใด แต่ในด้านการเชื่อมต่อนั้นมีหลายโมเดล ทั้งในการเชื่อมต่อวงจรเองตรงผ่านทางมาเลเซีย หรือสิงคโปร์หรือการดำเนินการร่วมกับพันธมิตร ส่วนการแก้ปัญหาเบื้องต้นในช่วงเวลา 1 ปี ก่อนที่จะดำเนินการลงทุนแล้วเสร็จ ทรู อาจจะมีการเช่าเกตเวย์ ของ บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) เนื่องจากเป็นคู่สัญญาสัมปทานและ ทีโอที มีไลเซนส์เกตเวย์ เชื่อมต่อวงจรต่าง-ประเทศของตัวเอง ที่ได้รับจาก กทช. เมื่อ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.