แห่ขุดทองบ่อใหญ่"หนุ่มสำอาง" แข่งหนักทุกช่องทางรับตลาดบูม


ผู้จัดการรายวัน(6 ธันวาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

เทรนด์รักสุขภาพมาแรง ส่งผลตลาดเครื่องสำอางชายบูมตาม เอซี นีลเส็นเผยข้อมูลตลาดรวมโต 23% เพราะธุรกิจมีผู้เล่นน้อยราย และตลาด ยังเพิ่งเริ่มต้น ขณะที่ช่องทางการขายยอดนิยมของผู้ชายยังเป็นซูเปอร์มาร์เกต ส่วนเคาน์เตอร์เซลเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ด้านช่องทางแมสแข่งดุ ลอรีอัลหันลงสมรภูมิแข่งนีเวีย พร้อมมั่นใจ 1 ปีขึ้นแท่นเบอร์ 1 แซงนีเวีย ฟอร์เมน ส่วนธุรกิจขายตรงก็ไม่น้อยหน้า ค่ายใหญ่แห่เปิดตัวตาม เผยช่องทาง นี้ได้เปรียบในแง่เข้าถึงลูกค้าโดยตรง

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าผู้ชายยุคใหม่อินเทรนด์เกาะกระแสห่วงใยสุขภาพตัวเองไม่แพ้บรรดาคุณผู้หญิง เลย เห็นได้จากหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าฟิตเนส, การเข้าสปา แต่ที่เห็นได้ชัด คือ ตลาดเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายที่แจ้งเกิดและเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2-3 ปีนี้

โดยจากข้อมูลผลการวิจัยของบริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย จำกัด สำรวจผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 15-49 ปี พบว่า 53% ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า และกว่า 65% ของกลุ่ม นี้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง ส่วนที่เหลือจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่คนในครอบครัวซื้อให้ ส่วนจำนวนผู้ชายที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าเป็นประจำ มีค่อนข้างสูง และมีส่วนน้อย หรือ 25% ที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งจากข้อมูลจะสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ยังไม่พอใจกับผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายที่มีอยู่ในตลาด หรือยังไม่ทราบถึงความแตกต่างระหว่างผิวผู้ชายและผิวผู้หญิง

ขณะที่ข้อมูลที่ทางเอซี นีลเส็น ได้ทำการสำรวจตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้าเฉพาะของผู้ชายในปี 2548 นี้ พบว่าตลาดรวมมีมูลค่ากว่า 341 ล้านบาทและมีอัตราการโต 23% โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มได้ดังนี้ กลุ่ม มอยส์เจอไรเซอร์หรือบำรุงผิว 80 ล้านบาท และมีอัตราการโต 36% คลีนซิ่งหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 183 ล้านบาท และโต 28% และครีมโกนหนวด 78 ล้านบาทและโต 4%
ทั้งนี้ การที่ตลาดโตส่วนหนึ่งมาจากการที่ตลาดยังใหม่และมีผู้เล่นอยู่ไม่กี่ราย แต่ก็เชื่อว่าอนาคตอันใกล้นี้ตลาดจะมีผู้เล่นแห่กันเข้าชิงเค้กกันมากขึ้น ทั้งในส่วนของตลาดบนหรือช่องทางขายแบบเคาน์เตอร์เซล ตลาดกลาง และตลาด ล่าง รวมถึงช่องทางการขายตรงด้วย

ผู้ชายชอบซื้อเครื่องสำอางในซูเปอร์ฯ

ขณะที่ช่องทางการซื้อเครื่องสำอางของผู้บริโภคชายไทยยังนิยมซื้อ ผ่านช่องทางซูเปอร์มาร์เกตเป็นหลัก เนื่องจากสินค้ามีหลากหลาย หาซื้อได้ง่ายและสะดวก ในการเลือกซื้อ ส่วนช่องทางเคาน์เตอร์เซลก็เป็นช่องทาง หนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากแบรนด์เครื่องสำอางดังๆหลายราย อาทิ ไบโอเธิร์ม ออม, ลังโคม ออม, คลาแร็งส์ เมน, และ ชิเซโด้ เมน เป็นต้น ต่างเริ่มให้ความ สนใจกับตลาดผู้ชายมากขึ้นหรือมีการ จัดมุมสินค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ผู้ชายโดยเฉพาะและเป็นสัดส่วน เคาน์เตอร์เซล ทางเลือกผู้ชายอยากหล่อ

นางวนิดา อัศวลาภศิลป์ ผู้จัดการแผนกการตลาดและการขาย บริษัท ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า พฤติกรรมผู้บริโภคชายไทยปัจจุบัน จะกล้าเข้ามาซื้อเครื่องสำอางในช่องทางเคาน์เตอร์มากขึ้น เนื่องจากผู้ชายก็ห่วงใยและใส่ใจสุขภาพ ตัวเองไม่แพ้ผู้หญิง โดยปัจจุบันลูกค้า ผู้ชายของชิเซโด้มีมากขึ้นจากเดิมหรือประมาณที่ 20% ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯเตรียมรุกตลาดเครื่องสำอาง สำหรับผู้ชายมากขึ้น ด้วยการจัดกิจกรรมและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขายและขยายตลาด ให้กว้างขึ้น โดยคาดว่าสัดส่วนลูกค้า ผู้ชายปีหน้าจะเพิ่มเป็น 30%

ตลาดแมสแข่งดุ ลอรีอัลท้าชิงนีเวีย

สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผู้ชายในช่องทางแมสหรือซูเปอร์มาร์เกตทั่วไปสามารถหาซื้อได้ง่ายและสะดวกมาก ดังนั้น ช่องทางนี้ จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ชายที่สนใจสุขภาพตัวเอง โดยปัจจุบันค่ายบริษัท ไบเออร์สด๊อร์ฟ ผู้ผลิตและจำหน่ายนีเวีย ฟอร์ เมน ครองความเป็นผู้นำตลาดอยู่ด้วยมาร์เกต- แชร์ 36% รองลงมาเป็นแอ็กซ์ 19% ทรอส 14% อื่นๆ 22% แต่จากความ หอมหวนของตลาดที่มีอัตราการ โตสูงเฉลี่ยปีละกว่า 20% ส่งผลให้ค่ายใหญ่อย่างลอรีอัลอยู่นิ่งไม่ได้ และหันมารุกตลาดนี้ด้วยการส่ง "ลอรีอัล เมน เอ็กซ์เพิร์ท" สู่ตลาด เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เบื้องต้นสินค้าที่ทำตลาดมี 5 รายการ ได้แก่ เจลล้างหน้า ครีมบำรุงผิวหน้า ครีมดูแลผิวรอบดวงตา เจลบำรุงผิวหน้า และครีมเจลบำรุงผิวหน้า

การลงสมรภูมิของลอรีอัล ครั้งนี้น่ากลัวไม่น้อย เพราะลอรีอัล ได้ทุ่มงบทางการตลาดในการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไว้สูงถึง 50% ของยอดรายได้ทั้งหมด และตั้งเป้าไว้ว่า ภายใน 1 ปีต่อจากนี้จะล้มแชมป์อย่างนีเวีย และก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาด ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชายให้ได้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มั่นใจว่าจะล้มแชมป์คือ ลอรีอัลเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวผลิตภัณฑ์และแผนการทำตลาดของบริษัท
ขณะที่ผู้นำตลาดอย่างนีเวีย ฟอร์ เมนก็ไม่หยุดนิ่งในการทำตลาดและคิดค้นเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่บริษัทฯเพิ่งเปิดตัวไปเป็นรายแรกของตลาด คือ นีเวีย ฟอร์ เมน ไวเทนนิ่ง ที่เปิดตัวไปเมื่อ ช่วง พ.ค. 48 เนื่องจากทางนีเวีย ได้สำรวจตลาดกลุ่มผู้บริโภคชายไทย พบว่าปัญหาเรื่องผิวหน้าหมองคล้ำเป็นปัญหาอันดับแรกที่ชายไทยกังวล ซึ่งในตลาดผลิตภัณฑ์ เพื่อผิวหน้าขาวยังไม่มีของผู้ชายจะมีแต่ของผู้หญิงเท่านั้น

ปัจจุบันนีเวีย ฟอร์ เมน เป็นผู้นำตลาดเกือบทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบำรุงผิวหน้า ครองแชร์ 100%, คลีนเซอร์หรือทำความสะอาดผิว 32.9% และผลิตภัณฑ์โกนหนวด 21.8% โดยมีเพียงกลุ่มเดียวที่เป็นรองคู่แข่งอย่างยิลเลตต์ คือ กลุ่มครีมโกนหนวด
ทั้งนี้ เครื่องสำอางผู้ชายเปรียบ เสมือนเป็นเทรนด์ที่ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อยจะต้องให้ความสนใจไม่มากก็น้อย ซึ่งเทรนด์ นี้เองบรรดาค่ายใหญ่อย่างโอเลย์และพอนด์สต่างก็มีแนวโน้มที่จะเข้า มารุกตลาดเครื่องสำอางชาย โดยใน อนาคตอันใกล้หรือปีหน้าเราอาจจะได้เห็น 2 ค่ายใหญ่เปิดตัวเครื่องสำอาง ฟอร์ เมน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่เป็นเรื่องที่น่าติดตาม

ขายตรงเข้าหาลูกค้า

ด้านช่องทางธุรกิจขายตรงก็คึกคักไม่น้อยหน้าช่องทางอื่น เห็นได้จากค่ายใหญ่ต่างพากันเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายกันเป็นแถว ไม่ว่าจะเป็น แอมเวย์ ที่เปิดตัว ทอลซั่ม (Tolsom) ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปัจจุบันพบว่า ยอดขายรวมมีประมาณ 28 ล้านบาท หรือกิฟฟารีนที่หันมารุกตลาดนี้ด้วยการส่ง "วิส ฟอร์ เมน บาย กิฟฟารีน" ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่นูสกินเอง ก็มีผลิตภัณฑ์ผู้ชายบ้างแต่มีไม่มาก เนื่องจากสินค้าต้องผ่านการพัฒนาและคิดค้นจากบริษัทแม่ก่อน

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในส่วนของช่องทางขายตรงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคชายไทยจะนิยมเลือกซื้อสินค้าเครื่องสำอางผ่านช่องทางนี้ เนื่องจากขายตรงเป็นธุรกิจที่เข้าถึงลูกค้าและมีการนำสินค้าไปเสนอต่อผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเหมาะสมกับพฤติกรรมผู้ชายบางคนที่ไม่กล้า ใช้หรือเลือกซื้อเครื่องสำอางใน ช่องทางอื่น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.