|
สมาคมบจ.คาดปี48กำไร4แสนล้าน อดิศร ชี้กองทุนเตรียมกลับลำซื้อหุ้น
ผู้จัดการรายวัน(5 ธันวาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
สมาคม บจ. คาดกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนปี 48 อยู่ที่ 4 แสนล้านบาท ระบุน้ำมันแพงยังเป็นปัจจัยหลัก ขณะที่ปี 49 กำไรสุทธิโต 3% ด้าน "สมบัติ-สมาคมโบรกฯ" ลุ้น 2 หุ้น ใหญ่เข้าจดทะเบียนปีหน้าหวัง ดันดัชนี ขณะที่ "อดิศร" เชื่อกองทุนเตรียมกลับลำมาซื้อหุ้นหลังดอกเบี้ยขึ้น
นายมงคล สิมะโรจน์ อุปนายก สมาคมบริษัทจดทะเบียน กล่าวว่า กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปี 2548 น่าจะอยู่ที่ 4 แสนล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียนมีสุทธิประมาณแสนล้านบาท จากผลกระทบเรื่องราคาน้ำมัน ขณะที่ในปี 2549 ผลกระทบในเรื่องดังกล่าวจะเป็นปัจจัยต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ ความคิดเห็นเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกแบ่งออกเป็น 2 แนวความคิด โดยกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าราคาน้ำมันในปีหน้าจะปรับขึ้นไม่เกิน 60 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่อีกกลุ่มคาดว่า ราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวขึ้นถึงระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งแม้ว่าราคาน้ำมันในปีหน้าจะเป็นเท่าใดก็จะส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนอย่างแน่นอน
สำหรับปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 8 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่งบประมาณแผ่นดินในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านบาท จะเห็นได้ว่าประเทศไทยใช้เงินในค่าน้ำมันถึง 70% ของงบประมาณแผ่นดิน หรือ ประมาณ 7 แสนล้านบาท ขณะที่ในปีหน้างบประมาณแผ่นดินจะอยู่ที่ 1.3 ล้านล้านบาท สัดส่วนรายจ่ายค่าน้ำมันเมื่อเทียบกับงบประมาณประเทศจะอยู่ในระดับ 50%
"หากคิดว่าราคาน้ำมันในปีหน้าจะอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อ บาร์เรล ซึ่งจะเท่ากับ 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งเท่ากับงบประมาณประเทศ" นายมงคลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าราคาน้ำมัน จะปรับขึ้นในระดับเท่าไหร่ การบริหารงานของบริษัทจดทะเบียนก็จะต้องปรับตัวให้ได้ ซึ่งทางเลือกหนึ่งของทางรัฐบาลคือการกระตุ้นให้ ให้มีการใช้แก๊สโซฮอลล์
นายสมบัติ นราวุฒิชัย อุปนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า การเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้าจะเติบโตในระดับ 4.3% โดยในปีหน้าจีดีพีจะอยู่ที่ประมาณ 4% ซึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในแนวโน้มที่ดี
ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของกำไร สุทธิบริษัทจดทะเบียนในปี 49 จะอยู่ ในระดับประมาณ 3% ขณะที่กำไรขั้นต้นก่อนหักภาษีจะอยู่ที่ประมาณ 5% เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มธนาคารจะเริ่มมีการเสียภาษีที่ได้รับการยกเว้นก่อนหน้านี้
สำหรับตลาดหุ้นในปีหน้าระดับพีอีเรโชจะอยู่ที่ 9-10 เท่า ซึ่ง จะต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายประกอบ เช่น การเข้าจดทะเบียนของบริษัทขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น รัฐวิสาหกิจ และบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เนื่อง จากเรื่องดังกล่าวอยูในความสนใจของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งหากสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้จะส่งผลดีต่อดัชนีตลาดหุ้นประมาณ 3%
ในส่วนของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯปัจจุบันระดับพีอี เรโชอยู่ที่ประมาณ 8.5 เท่า ซึ่งสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่าราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยปัจจุบันอยู่ต่ำมาก
อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปี 49 จะอยู่ที่การเข้าจดทะเบียนของ 2 บริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งหากสามารถเข้า จดทะเบียนได้ก็จะกระตุ้นความน่าสนใจให้กับนักลงทุนได้อีกครั้ง โดย คาดว่าปีหน้าดัชนีจะอยู่ที่ระดับประมาณ 710 จุด ซึ่งหากบริษัทขนาดใหญ่สามารถเข้าจดทะเบียนก็ จะทำให้ดัชนีสามารถปรับขึ้นไปได้อีก
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า ในปีหน้ากองทุนน่าจะกลับมาทยอยลงทุนในหุ้นมากขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้การลงทุนในตราสารหนี้น้อยลง ขณะที่ปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเชื่อว่าหุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยเป็นกลุ่มที่น่าลงทุน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจในปีหน้าน่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี โดยตัวเลขภาคลงทุนจากคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุนระบุว่าปีนี้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากเมื่อปี 47 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่สะท้อนภาพการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|