คาดชินคอร์ปถอนหุ้นจากตลท.


ผู้จัดการรายวัน(5 ธันวาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

บล.กสิกรไทยประเมินผู้ถือหุ้นใหญ่ชินคอร์ปอเรชั่นมีโอกาสเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่ม พร้อมตั้งโต๊ะทำคำเสนอซื้อ เพื่อนำบริษัทแม่ออกจากตลาดหลักทรัพย์ในลักษณะคล้ายกับกลุ่มซีพี ซึ่งจะทำให้คนภายนอกไม่รู้ถึงการดำเนินการของบริษัทแม่

สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยได้จัดงาน Thai Investors'Day เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2548 ซึ่งได้จัดสัมมนาในหัวข้อ จะมี December Effect หรือไม่โดยมีนายอมฤต คุขะวณิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัดเป็นวิทยากร

นายอมฤต กล่าวว่า ภายในเดือนนี้มีโอกาสที่จะเกิด December Effect ได้เช่นกัน เนื่องจากสภาพตลาดหุ้นไทยขณะนี้ถือว่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็นและถ้าสถานการณ์ทางการเมืองไม่เกิดเหตุการณ์ที่สำคัญเชื่อว่ามีโอกาสที่จะมีเงินทุนจากต่างประเทศใหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้เช่นกัน

สำหรับหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจได้แก่หุ้นที่ประกอบธุรกิจไฟฟ้า เพราะถือเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ มีรายได้ที่สม่ำเสมอ และมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอซึ่งหุ้นที่แนะนำได้แก่หุ้นบริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)(RATCH) และบริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน)(EGCOMP)ซึ่งถ้าบริษัท กฟผ.ไม่สามารถเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ทำให้ไม่สามารถนำเงินไปเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ตามต้องการ ก็จะส่งผลดีต่อหุ้นทั้ง 2 บริษัทเพราะจะทำให้ได้แบ่งกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

"หุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจไฟฟ้านั้นทั่วโลกถือได้ว่ามีความมั่นคงมากและเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว"นายอมฤตกล่าว

นอกจากนี้ก็มีหุ้นกลุ่มสื่อสารที่น่าสนใจซึ่งที่ผ่านมาบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อสารได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น เพื่อรองรับการแข่งขันโดยมีต่างประเทศเข้ามาถือหุ้นเช่นเทเลนอร์ที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัทยูไนเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน)(UCOM) ซึ่งหุ้นที่น่าสนใจเช่นหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่นจำกัด(มหาชน)(SHIN)เพราะที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวว่าจะมีบริษัทไชน่า เทเลคอมเข้ามาถือหุ้นบ้าง หรือบริษัทสิงเทล ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารจากสิงคโปร์เข้ามาถือหุ้น

อย่างไรก็ตามถ้าพิจารณาถึงความเป็นไปได้นั้นมองว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น น่าจะเข้าไปซื้อหุ้นไว้เองดีกว่า เพราะถือเป็นสิ่งปกติในธุรกิจโฮลดิ้งคอมปานีที่จะมีส่วนลดประมาณ 20% ซึ่งถ้าผู้ถือหุ้นเดิมเข้ามาซื้อหุ้นก็จะทำคำเสนอซื้อ(เทนเดอร์ออฟเฟอร์)จากผู้ถือหุ้นรายย่อยและอาจจะขอเพิกถอนบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นแม่ในรูปโฮลดิ้งออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนจะเหลือเพียงบริษัทลูกที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น

"เชื่อว่าบริษัทชินคอร์ปอเรชั่นอาจจะมีดีลอะไรสักอย่างอาจจะให้ไชน่าเทเลคอม หรือสิงเทลเข้ามา อย่างไรก็ตจามถ้าพิจารณาจากความน่าจะเป็นนั้นเชื่อว่าในกรณีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่นหรือกลุ่มตระกูลชินวัตรมีโอกาสที่จะเข้ามาซื้อหุ้นบริษัทเองเพิ่มขึ้นหลังจากนั้นก็ทำคำเสนอซื้อจากรายย่อย เพื่อที่จะขอเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ซึ่งจะเป็นไปในลักษณะเดียวกับกลุ่มบริษัทซีพีที่นำบริษัทแม่ออกจากตลาดหลักทรัพย์เหลือเพียงแต่บริษัทลูกที่เป็นบริษัทจดทะเบียนซึ่งก็จะทำให้บริษัทแม่จะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ เพราะอยู่นอกตลาดหลักทรัพย์และถ้าบริษัทแม่จะระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจก็สามารถกู้เอาได้รวมถึงบริษัทแม่ก็ยังได้รับรู้กำไรและเงินปันผลจากบริษัทลูกที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์"นายอมฤตกล่าว

นอกจากนี้ก็มีหุ้นบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)(ADVANC) ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจ เพราะเป็นบริษัทที่มีรายได้เข้ามามากและมีเงินทุนจำนวนมากซึ่งถ้ามีเหตุการณ์เพิ่มทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อสารนั้น เชื่อว่าบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จะได้รับผลกระทบไม่มากนัก แต่บริษัทอาจจะจ่ายเงินปันผลไม่ได้มากนัก เพราะต้องนำเงินไปลงทุน

ทั้งนี้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจเข้าลงทุนโดยหุ้นที่น่าลงทุนได้แก่หุ้นธนาคารกรุงเทพ(BBL) เพราะถือเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และจะได้รับผลดีจากกรณีของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทยหรือทีพีไอ ที่ปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จเพราะธนาคารกรุงเทพเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ถึงแม้ว่าภายในปีหน้าธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะต้องจ่ายเงินภาษีหลังจากที่ล้างขาดทุนสะสมหมดแล้วนั้นแต่ก็เชื่อว่านักลงทุนทุกคนรับรู้ในประเด็นดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

ในส่วนของบริษัททีพีไอนั้นเชื่อว่าถ้ามีความชัดเจนในทุกประเด็นแล้วเชื่อว่าจะมีนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนโดยขณะนี้มีเพียงกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการหรือกบข.เท่านั้นที่เป็นนักลงทุนสถาบันเข้ามาถือหุ้นโดยที่ผ่านมาได้มีโอกาสพบปะกับนักลงทุนต่างประเทศพบว่านักลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะกองทุนรวมต่างประเทศแสดงความสนใจที่จะเข้าลงทุนในหุ้นบริษัททีพีไอภายใต้เงื่อนไขว่าบริษัททีพีไอสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ตามแผนที่กำหนดไว้และมีความชัดเจนทุกประการ

นายอมฤตกล่าวต่อว่าภายในปีหน้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะเป็นอีกกลุ่มที่น่าจับตามองเพราะเชื่อว่าภายในกลางปีหน้าอัตราดอกเบี้ยจะคงที่ประกอบกับในช่วงปีที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก และเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ก็พร้อมที่จะปล่อยกู้ให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ได้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้คาดว่าภายในเดือนมกราคมมีโอกาสที่จะเกิด January Effect ได้เช่นกัน เพราะเชื่อว่าจะมีทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะปลายปีจะมีเงินเข้าไปลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาว(LTF)และกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) เป็นจำนวนมากซึ่งจะทำให้ผู้บริหารกองทุนจำเป็นต้องนำเงินเพื่อจัดพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้น

สำหรับกรณี กฟผ.ถ้าไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเชื่อว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากนัก เพราะนักลงทุนต่างประเทศได้มีการรับรู้แล้วและมองว่าในระยะปานกลางไม่น่าจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามถ้ากลับกันบริษัทกฟผ.สามารถกระจายหุ้นได้ก็เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศเตรียมที่จะนำเงินเข้ามาลงทุนในหุ้นกฟผ.เหมือนกับช่วงที่ผ่านมา


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.