แมทธิว กิจโอธาน พิสูจน์ฝีมือในไทยมาแล้วกับ"โปรเจคบลู"


นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2540)



กลับสู่หน้าหลัก

แมทธิว กิจโอธาน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ตลาดน้ำดำ เอเชียแปซิฟิก บริษัท เป๊ปซี่ โค อิงค์ เอเชีย แปซิฟิก ซึ่งขึ้นตรงกับหน่วยธุรกิจของโครงสร้างใหม่ที่ปรับตัวไปเมื่อปลายปี 2539 ถือเป็นตัวจักรสำคัญในการวางกลยุทธ์การตลาดสำหรับภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ดังที่ สมชาย บุลสุข การันตีไว้ว่า

"ประสบการณ์ของแมทธิวในตลาดน้ำอัดลมเมืองไทย จะทำให้เขามีความเข้าใจสภาพตลาดของเมืองไทยไดเป็นอย่างดี การให้การสนับสนุนก็จะทำได้คล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้น"

และคงการันตีได้อีกอย่างจาก โปรเจคบลู เมื่อต้นปี 2539 ที่ได้ร่วมกับเสริมสุขกระตุ้นตลาดด้วยการเปลี่ยนโลโกเป็นสีฟ้า จนยอดส่วนแบ่งเป๊ปซี่เพิ่มจาก 59% เป็น 61%

นอกจากนี้ โปรเจคบลู ยังถือเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า ตลาดน้ำอัดลมเมืองไทยต้องได้รับการกระตุ้นถึงจะมีการเติบโต และนอกจากการกระตุ้นตลาดแล้ว เป๊ปซี่ ยังมีกลยุทธ์สำหรับปี 2540 นี้อีกหลายด้าน

แมทธิว เปิดเผยถึงแผนการตลาดในปีนี้ว่า เป๊ปซี่จะเน้นการขยายฐานผู้บริโภค เพราะปัจจุบัน 70% ของตลาดน้ำอัดลมยังอยู่ในกรุงเทพฯ และภาคกลาง ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 30% ของประเทศ โดยปัจจุบันคนกรุงเทพฯ มีอัตราการดื่มน้ำอัดลมมากกว่าคนต่างจังหวัดถึง 5 เท่า

"เพื่อกระจายน้ำอัดลมไปในต่างจังหวัดมากขึ้น ในปีนี้ ยังมีเรื่องของการขยายโรงงานที่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่จะกระจายในเขต 14 จังหวัดภาคใต้ได้มากขึ้น และสัดส่วนที่ต้องเน้นก็คือ ตลาดขวดประเภทต้องคืน เพราะเป็นตลาดน้ำอัดลมที่ใหญ่มากในเมืองไทย คือ มีถึง 70-75% ต้องซื้อขวดทุกเดือนให้เพียงพอ ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่มีการขึ้นราคามากว่า 6 ปีแล้ว เพราะสำหรับคนต่างจังหวัดน้ำอัดลมขวดละ 5 บาทก็ยังถือว่าแพง" แมทธิว กล่าว

สำหรับวิธีที่สอง การทำให้ผู้บริโภคดื่มน้ำอัดลมมากขึ้น เพราะตลาดที่อยู่ในภาคกลางและกรุงเทพฯ ะจมีสินค้าในรูปมัลติแพ็กเสนอในราคาที่ถูกกว่า ให้ผู้บริโภคซื้อในปริมาณมากขึ้น เช่น ขนาดกระป๋องแพ็กละ 6 หรือ 10 กระป๋อง หรือการออกขวดขนาดใหม่ เช่น เป๊ปซี่ 500 ในขวดพีอีที หรือตลาด 1.25 ลิตร ที่มีอัตราการเติบโตถึง 30% ในปี 2539 ก็ใช้ได้ผล รวมทั้งส่วนของโพสต์มิกซ์ด้วย

"นอกจากนี้ ก็มีการสร้างสินค้าใหม่ ๆ ให้ผู้บริโภคทดลองดื่ม เช่น นำเมาเทนดิวกลับมาสู่ตลาดใหม่อีกครั้งในปีที่แล้ว หรือเราออกเป๊ปซี่แม็กซ์ ซึ่งได้เพิ่มส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมให้เป๊ปซี่อีกประมาณ 1 จุด และเป็นสินค้าตัวเดียวที่คู่แข่งสู้ไม่ได้ และคิดว่า ปีนี้ก็จะพยายามหาสินค้าใหม่ออกมาอีก"

แมทธิว ยังกล่าวอีกว่า หน้าที่ของการตลาดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การทำให้ผู้บริโภค เลือกสินค้าของเป๊ปซี่ด้วยการสร้างคุณสมบัติของสินค้าให้แข็งกว่าคู่แข่ง

"วิธีที่เราทำอย่างต่อเนื่อง คื อ มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง ที่ทำอย่างให้สินค้าเราใกล้ชิดเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค ทำให้สินค้าเราต่างจากคู่แข่ง ปีที่แล้วมีทั้งอินเตอร์เนชั่นแนลคอนเสิร์ต เพื่อสร้างภาพพจน์เราให้ดีประมาณ 15-16 คอนเสิร์ต ปีนี้ก็จะมีประมาณ 10 คอนเสิร์ต ทั้งอินเตอร์เนชั่นแนลคอนเสิร์ตและของไทย พร้อมทั้งการกระตุ้นตลาด ด้วยโปรโมชั่นใหญ่ในหน้าร้อน ที่จะเน้นความตื่นเต้น ทันสมัย และเข้ากับวัยรุ่น" แมทธิว กล่าว

ทั้งนี้ การทำงานด้านวางแผนการตลาดของแมทธิว ยังมีผู้ช่วยทีมเดียวกันที่ประจำอยู่เมืองไทย คือ อนิรุทธิ์ มหาธร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งดูแลในด้านน้ำสี และร่วมงานตลอดตั้งแต่การวางแนวทางตลาดกับ สุทธิ ศุภโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของเสริมสุขด้วย



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.