ปรับภาษีบุหรี่ชนเพดานสรรพสามิตรับรายได้หด


ผู้จัดการรายวัน(2 ธันวาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

สรรพสามิตเตรียมประกาศเพิ่มภาษีบุหรี่เต็มเพดานภายในปี 49 นี้ พร้อมตั้งเป้ารณรงค์ลดละเลิกบุหรี่ถึงหลักล้านคน คาดยอดจำหน่ายบุหรี่ของโรงงานยาสูบลดลง 7% ขณะที่รายได้ภาษีบุหรี่หด 10-12% แต่ยันทั้งปียังเชื่อจัดเก็บรายได้ตามเป้า 3.125 แสนล้านบาท จากการเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บ

นายอุทิศ ธรรมวาทิน อธิบดี กรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงโครงการรณรงค์ให้ประชาชน ลด ละ และเลิกสูบบุหรี่ ตามนโยบายรัฐบาล ว่า คาดว่าจนถึงสิ้นปี 2549 จะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการถึงหลักล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายบุหรี่ของโรงงานยาสูบ และรายได้ภาษีของกรมสรรพสามิตลดลงเช่นกัน โดยทางโรงงานยาสูบได้ศึกษาแนวโน้มการจำหน่ายบุหรี่ในปี 2549 แล้วว่ายอดจำหน่ายบุหรี่ จะลดลงประมาณ 7% ดังนั้นกรมจึงคาดว่ารายได้ภาษีบุหรี่จะหายไปประมาณ 10-12% เพราะรวมภาษีที่จัดเก็บจากบุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศด้วย

สำหรับการปรับเพิ่มอัตราภาษีบุหรี่นั้น เชื่อว่าจะสามารถประกาศบังคับใช้ภายในปี 2549 นี้ โดยจะปรับภายใต้กรอบเพดานเดิมก่อน คือ จัดเก็บได้สูงสุดไม่เกิน 80% จากปัจจุบันที่จัดเก็บอยู่ที่ 75% เพราะไม่ต้องผ่านขั้นตอนของกฎหมายในการขอแก้ไขเพดานเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม การปรับอัตราภาษีบุหรี่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ประชาชนสูบบุหรี่น้อยลง ไม่ใช่เพื่อเพิ่มรายได้ภาษี ซึ่งกรมได้มีการคำนวณว่า หากปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้น 5% จะส่งผลให้สามารถจัดเก็บรายได้ได้เพิ่มขึ้นประมาณ 5,000 ล้านบาทเท่านั้น ซ้ำยังทำให้รายได้ลดลงมากกว่าก็เป็นได้ แต่กรมคงไม่ขอลดเป้าการจัดเก็บรายได้ลง แต่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บมากขึ้น เพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้า จำนวน 3.125 แสนล้านบาท

นายอุทิศยังได้กล่าวถึงโครงการรณรงค์ให้เด็กและเยาวชนไม่สูบบุหรี่ว่า หลังจากเริ่มโครงการได้มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้นกว่า 2.02 แสนราย ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นผลงานประเภทเรียงความ 131,817 ชิ้น ภาพวาด 62,206 ชิ้น และประกวดออกแบบเสื้อ 8,860 ชิ้น

ส่วนแนวคิดการจัดเก็บภาษีชาเขียว และภาษีกาแฟสำเร็จรูปนั้น ได้ให้หลักการเจ้าหน้าที่กรมฯ ว่า จะต้องคิดวิธีการจัดเก็บเพื่อเอื้อประโยชน์แก่เกษตรกรในประเทศ และคำนึงถึงสุขภาพอนามัยของผู้บริโภคเป็นหลัก รวมทั้งเพื่อให้การจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มมีความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมา กรมจัดเก็บภาษีประเภทเครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม โดยพิจารณาจากสารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิ กาเฟอีน และน้ำตาล

สำหรับภาษีสิ่งแวดล้อม ยังคงต้องศึกษารายละเอียดอีกมาก โดยจะต้องศึกษาวิธีการจัดเก็บจากต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศด้วย

ยาสูบเร่งสรุปซื้อเครื่องจักร

นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาตกลงซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์จากประเทศจีนของโรงงานยาสูบว่า อยู่ระหว่างการเร่งสรุปเงื่อนไขรายละเอียดของทางจีนร่วมกับทางโรงงานยาสูบ เพื่อสรุปเรื่องส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณา โดยคาดว่าน่าจะได้ความชัดเจนว่ากระทรวงการคลังจะยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวได้หรือไม่ โดยหากยอมรับได้ก็จะมีการลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) ร่วมกัน แต่ยังตอบไม่ได้ว่า หากไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขได้แล้วจะเปลี่ยนไปเจรจากับรายอื่นหรือไม่ จำเป็นต้องดูเงื่อนไขของทางจีนก่อน อย่างไรก็ตามโดยหลักการแล้ว ผู้ซื้อย่อมมีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.