|
เพาเวอร์-พียันไม่เกี่ยวปิคนิค
ผู้จัดการรายวัน(2 ธันวาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
นักลงทุนเตรียมลุยหุ้น เพาเวอร์-พี เปิดซื้อขาย 7 ธ.ค.นี้ จากราคาปิดเมื่อ 4 ปีก่อนอยู่ที่ 0.40 บาท มีฟรีโฟลตในตลาดหลักทรัพย์ 91 ล้านหุ้น จับตาดูทีท่าพันธมิตรใหม่ หลังสามารถขายหุ้นได้ 38 ล้านหุ้น ด้าน "ราชศักดิ์" ซึ่งมีชื่อพัวพันถือหุ้นปิคนิคออกโรงการันตีถือหุ้นเพาเวอร์-พียาว พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2548 ที่ 300 ล้านบาท ย้ำรับงานมีมาร์จิ้น 15% วงในเผยราคานอกตลาดอยู่ที่ 10-25 บาทต่อหุ้น
นายราชศักดิ์ สุเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพาเวอร์-พี จำกัด (มหาชน) หรือ POWER เปิดเผยว่า ปริมาณหุ้นของบริษัทที่หมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) จำนวน 91.87 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นของนักลงทุนรายย่อย จำนวน 10.5 ล้านหุ้น และจากเจ้าหนี้ที่มีการแปลงหนี้เป็นทุน จำนวน 42 ล้านหุ้น ราคาแปลงสภาพ 5 บาทต่อหุ้น ส่วนอีก 39.37 ล้านหุ้น เป็นส่วนของพันธมิตรใหม่ คือกลุ่มของตนเอง ซึ่งสามารถขายได้ 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ 157.5 ล้านหุ้น มีราคาต้นทุนที่ 3.80 บาท ส่วนหุ้นที่เหลือจะติดระยะห้ามขาย(ไซเลนต์พีเรียด) 1 ปี ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ โดยขณะนี้บริษัทมีจำนวนหุ้น 210 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 10 บาท
ทั้งนี้ วันเปิดซื้อขายหุ้นของบริษัทในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ จะไม่มีการกำหนดราคาเปลี่ยนแปลงขั้นสูงต่ำของบริษัท โดยราคาปิดหุ้นของบริษัทเมื่อปี 2540 อยู่ที่ 0.40 บาท
"โดยส่วนตัวขอยืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้น จะถือหุ้นในระยะยาวต่อไป โดยบริษัทมีแผนที่จะมีการล้างขาดทุนสะสมที่มี 928 ล้านบาท โดยจะนำผลประกอบการที่มีรายได้เติบโตต่อเนื่อง จากการที่บริษัทเน้นรับงานภาครัฐประมาณ 70% ซึ่งจะเข้าไปเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อของโครงการยาสูบที่จะย้ายไปก่อสร้างที่ภาคเหนือ จึงทำให้บริษัทมีรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถล้างขาดทุนสะสมได้ภายในปี 49"
สำหรับรายได้ปีนี้บริษัทคาดรายได้ 300 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรก บริษัทมีรายได้ 223.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 27.9 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการทยอยรับรู้จากโครงการในมือของบริษัท จำนวน 3,604.39 ล้านบาท ซึ่งมี 5 โครงการ คือ 1. โครงการเขื่อนแควน้อย จ.พิษณุโลกนั้น เป็นธุรกิจร่วมค้ากับ บริษัท ยูบีซี มีมูลค่าโครงการ 3,354 ล้านบาท ซึ่งบริษัทถือหุ้นเพียง 10% โดยโครงการดังกล่าวก็ยังมีโครงการต่อเนื่อง 2,000 ล้านบาท 2. โครงการอาคารวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ฯมหาวิทยาลัยเกษตรฯ มูลค่าโครงการ 146.89 ล้านบาท บริษัทถือหุ้นเพียง 49% 3.โครงการคลังก๊าซ บริษัท World Gas บางปะกง มูลค่า 89 ล้านบาท 4. โครงการคลังก๊าซ บริษัท World Gas ช่องนนทรี
"โดยที่บริษัทมีการเน้นรับงานราชการจำนวนมาก เนื่องจากหวังที่จะรับงานต่อเนื่องของราชการอีก เพราะยังมีงานต่อเนื่องอีก 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทได้เป็นบริษัทต้นๆ ที่จะได้รับพิจารณาให้ดำเนินโครงการ เพราะมีผลงานในการดำเนินงานแล้ว ซึ่งจะรับงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 15% และมีกำไรสุทธิ 5-8%"
นอกจากนี้ บริษัท แอลวีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ POWER โดยเป็นบริษัทที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานราชการ จำนวน 4 หน่วยงาน เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งมีงานในมือจำนวน 2 โครงการ มูลค่า 674.72 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานเกี่ยวกับภาครัฐทั้งสิ้นและที่บริษัทรับงานนี้ก็จากที่หวังว่าจะมีโครงการต่อเนื่อง อีก 400 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างกำลังประมูลงานบำบัดน้ำเสียที่ ภาคใต้จำนวน 170 ล้านบาท ซึ่งคาดจะสรุปได้ภายในปีนี้ และโครงการดังกล่าวก็จะมีงานต่อเนื่องอีก 300-400 ล้านบาท
นายกิตติพัฒน อินทรเกษตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและการลงทุน บมจ.เพาเวอร์-พี กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวว่ามีกรรมการของบริษัทนำหุ้นไปขายนอกตลาดนั้น ส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นกลุ่มของเจ้าหนี้ที่มีการแปลงหนี้เป็นทุน เพราะจากการสำรวจพบว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ได้มีการถือหุ้นของบริษัทเพียง 9 ล้านหุ้น จากเดิมที่ถือหุ้น 20 ล้าน และกลุ่มแบงก์อื่นๆ ที่เคยถือหุ้นของบริษัทได้ก็มีการขายหุ้นแล้ว และเป็นการเปลี่ยนมือของนักลงทุนรายย่อยมากกว่าเป็นกรรมการของบริษัท
นายกิตติพัฒนกล่าวต่อว่า จากการที่บริษัทมีการรับงานของบริษัท World Gas นั้น บริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องกับ บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) เพราะผู้ถือหุ้นและกรรมการบริหารเป็นคนละชุดกัน และบริษัทก็ได้มีการรับงานโดยพิจารณาจากราคาอย่างถูกต้อง แต่ผู้บริหารของบริษัท คือ นายราชศักดิ์ ก็มีการลงทุนในหุ้นปิคนิค บ้างซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดจำนวน 70 ล้านบาท โดยมีส่วนต่ำมูลค่าหุ้นที่ 761 ล้านบาท
สำหรับโครงการเขื่อนแควน้อย จ.พิษณุโลก ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 13% ซึ่งจะเร่งสร้างให้ได้ 20% ภายในปีนี้ โดยจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ประมาณ 60 ล้านบาท และโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2551
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้ราคาหุ้น POWER มีการซื้อขายนอกตลาดที่ 10-25 บาทต่อหุ้น โดยที่บริษัทมีส่วนต่ำมูลค่าหุ้น 761 ล้านบาท นั้นการที่จะสามารถทำให้เป็นส่วนล้ำมูลค่าหุ้นได้ก็มีแนวทาง เช่น การเพิ่มทุน ซึ่งหากมีการเพิ่มทุนจริงก็อาจจะมีการเพิ่มทุนให้แก่นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงมากกว่าผู้ถือหุ้นรายย่อย
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ราคาหุ้น POWER ร้อนแรงมากในหมู่นักการเมือง ถึงขนาดที่กระแสข่าวลือออกมาเป็นระยะๆ ว่ามีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันตั้งแต่บริษัทฯ ยังไม่พร้อมจะกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยราคาที่ซื้อขายกันในขณะนี้ล่ำลือว่าสูงถึง 30 บาท ก่อนจะมีการปล่อยข่าวว่าราคาจะพุ่งไปที่ 60 บาท
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อหุ้นปิคนิคมีปัญหา หุ้น POWER ซึ่งพัวพันกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ปิคนิค ก็ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินอย่างเข้มข้นและสั่งให้แก้ไขงบการเงิน ทำให้ราคาหุ้น POWER นอกตลาดได้รับผลกระทบราคาซื้อขายลดลงมาอยู่ระดับ 10 บาทกว่า อย่างไรก็ดี ต่อมาบริษัทได้แก้ไขงบการเงินเรียบร้อยและสามารถเข้ามาซื้อขายได้อีกครั้ง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|