นที วรรธนะโกวินท์ หนุ่มนักกฎหมาย ที่พิสมัยความคลาสสิกของรถจากัวร์เป็นพิเศษ
กำลังมีเรื่องเล่า ที่ภาคภูมิใจ และทำให้เขามีความมั่นใจในธุรกิจรถเช่าของเขามากขึ้น
เจ้าของธุรกิจรถเช่าที่มีรถมากมายหลากหลายยี่ห้อ แต่ในเรื่องของการใช้รถส่วนตัวแล้ว
นที วรรธนะโกวินท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทแจแปน เร้นท์ (ประเทศไทย) เลือก ที่จะใช้รถจากัวร์
ปี1980 ซึ่งเขาบอกว่าชอบรถยี่ห้อนี้มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น และเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสไปเลือกซื้อรถจากัวร์ด้วยตัวเอง
เป็นของตนเองคันแรก ที่ประเทศอังกฤษ และยังเป็นรถคู่ใจ ที่ใช้มาจนถึงทุกวันนี้
"ผมชอบ เพราะมันคล่องตัวดีไม่ใหญ่เกินไป และไม่ได้มีดาษดื่นเหมือนเบนซ์ ตอนนั้น ซื้อมาราคาไม่แพง
แต่ภาษีแพงมากราคารถประมาณ 6-7 แสนบาท ภาษีก็ประมาณ 7 แสนบาท แต่มาเสียค่าตกแต่งเพิ่มอีกก็เยอะมากเหมือนกัน
รักมาก แต่จะไม่ชอบตอนน้ำมันขึ้นราคานี่ล่ะครับ"
นที เล่าให้ฟังถึงเรื่องรถคันโปรดอย่างอารมณ์ดี และบอกว่าเครื่องแรงๆอย่างนี้แต่ไม่ค่อยได้ใช้วิ่งเต็มที่เท่าไรนัก
เพราะบ้านพักอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 แต่ ที่ทำงานห่างกันเพียงไม่กี่ซอย คือ สุขุมวิท
24 เท่านั้น เอง และ ที่แน่ใจมากๆ ก็คือ รถคันนี้สามารถจอดทิ้งไว้ได้โดยไม่ต้องห่วงมากนัก
เพราะเป็นรถ ที่อะไหล่ราคาแพงมากๆ ทำให้ขโมยไม่ชอบ เพราะหาคนซื้อต่อยากแน่นอน
แต่รถในบริษัทของเขา ที่จอดเรียงรายอยู่ในเต็นท์ของบริษัทแจแปนเร้นท์ ประเทศไทย
ในพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 24 นั้น ส่วนใหญ่เป็นรถญี่ปุ่นทั้งสิ้น
เพราะแจแปนเร้นท์ประเทศไทย คือ สาขาแรก และสาขาเดียว ของบริษัทรถเช่ารายใหญ่
จากประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดดำเนินการในประเทศไทยมาประมาณ 8 ปี
นที เป็นเจ้าของบริษัทรถเช่าที่ตัวเองศึกษาทางด้านกฎหมายมาตลอด และปริญญาโทใบสุดท้ายหรือใบ ที่
3 ของเขาเพิ่งได้รับมาหมาดๆ เมื่อต้นปี 2543 นี้เอง จากคณะบริหารธุรกิจการจัดการศศินทร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรุ่นเดียวกับสาวสวยคนดัง เกรซ มหาดำรงค์กุล
หลังจากจบชั้นมัธยมปลายจากวิทยาลัยอัสสัมชัญ นที ก็ได้ไปศึกษาต่อ จนจบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เมื่อปี 2523 หลังจากนั้น 1 ปี ก็เป็นเนติบัณฑิต และ ได้ปริญญาโทกฎหมายเปรียบเทียบใบแรกจากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย
สหรัฐอเมริกา ใบ ที่ 2 จากปริญญาโทกฎหมายจากมหาวิทยาลัยครีฟแลนด์ สหรัฐอเมริกา
เขาเริ่มทำธุรกิจรถเช่า เมื่อประมาณปี 2533 โดยได้รับการสนับสนุน และแนะนำจากพลตำรวจตรีอุกฤษณ์
ปัจฉิมสวัสดิ์ พี่ชายของวัลลภา ผู้อำนวยการของสถาบันบางกอกแดนซ์ ซึ่งเป็นภรรยาของเขาเอง
ในช่วงเวลานั้น เศรษฐกิจในเมืองไทยกำลังดีมากๆ มีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในบ้านเราอย่างมากมาย
และธุรกิจรถเช่ากำลังเป็นที่สนใจ แต่เมื่อตนเองไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้มาก่อน
เลยตั้งใจว่าจะติดต่อบริษัทรถเช่าใหญ่ๆ จากต่างประเทศมาเปิดสาขาในเมืองไทย
เพื่อจะได้กลยุทธ์ต่างๆ ในการทำงานกลับมาด้วย
ในที่สุดนทีก็ได้ไปติดต่อกับบริษัทแจแปนเร้นท์ ซึ่งเป็นบริษัทรถเช่าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดบริษัทหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
เปิดดำเนินการมานานกว่า 30 ปี มีรถพร้อมบริการลูกค้ามากกว่า 23,000 คัน ในประเทศญี่ปุ่น
โดยเป็นบริษัท ที่ร่วมลงทุนกับบริษัทเกียวโดออยล์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นเอง
สัญญาการเช่าระยะสั้น มีทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี มีทั้งรถยนต์ใช้ทั่วไป เพื่อใช้ในการทำงาน
และครอบครัวขนาดเล็ก รถยนต์ขนาดกลางเหมาะสำหรับการทำธุรกิจ หรือเดินทาง หรือรถยนต์สำหรับผู้บริหาร
เช่น TOYOTA CROWN, BENZ240 E, VOLVOS.80 เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีรถยนต์ เพื่อการท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ
และรถยนต์ เพื่อการบรรทุกอีกด้วย
สำหรับราคาค่าเช่าต่อวันมีตั้งแต่ 1,300-2,200 บาท ส่วนรถยนต์ของผู้บริหารค่าเช่าต่อวันประมาณ
3,000- 4,500 บาทพร้อมคนขับรถไมโครบัสค่าเช่าพร้อมคนขับ 2,000 บาท และรถบรรทุกประมาณ
1,200 บาท
ส่วนเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง ที่นทียังคงภูมิใจไม่หายในตอนนี้ก็คือ บริษัทของเขาได้รับรองคุณภาพมาตรฐาน
ISO 9002 จาก Burean Veritas Quality International (BVQI) ประเทศอังกฤษ
เมื่อเดือนสิงหาคม 2542 ที่ผ่านมา
" ผมเป็นบริษัทรถเช่าแห่งแรกของเมืองไทย และเอเชีย ที่ได้รับ ISO 9002 นี้
และการรับรองนี้เป็นการรับรอง ด้านการบริการทั้งระบบ เนื่องจากสินค้าของบริษัทมี
2 ประเภท คือ รถยนต์ และ พนักงานขับรถ" นทียืนยันกับ " ผู้จัดการ" ด้วยหน้าตา ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความภูมิใจ
หลังจาก ที่ได้รับ ISO 9002 ทาง BVQI ได้มีการควบคุมมาตรฐานอย่างเข้มงวด
โดยการส่งทีมผู้ตรวจสอบมาตรฐานการทำงานตามระบบ ISO ที่ได้กำหนดไว้ทุก 6 เดือน
เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพในการทำงาน และการบริการของหน่วยงาน ที่ได้รับ
ในปี 2000 นี้ ทางบริษัทเชื่อว่าบรรยากาศในการลงทุนเริ่ม ที่จะขยายตัวอีกครั้ง
จึงมีการวางแผนที่จะขยายสาขาไปยังนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เช่นชลบุรี ศรีราชา
ระยอง เชียงใหม่ และลำพูน เป็นต้น
วันนี้นทีหวังอย่างมากว่า ISO 9002 ที่ได้รับมาคือ สิ่งที่ยืนยันถึงมาตรฐาน
และทำให้การขยายสาขา และการก้าวเดินต่อไปบนถนนของธุรกิจสายนี้จะง่ายขึ้นแน่นอน