|
"ประชัย"วิ่งหาเงิน5พันล้าน เพื่อรักษาสิทธิซื้อหุ้นทีพีไอ
ผู้จัดการรายวัน(1 ธันวาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"ประชัย" วิ่งฝุ่นตลบ เร่งหาเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน ทีพีไอเกือบ 5 พันล้านบาท หลังผู้บริหารแผนฯขีดเส้นตาย ให้ผู้ถือหุ้นเดิมต้องชำระค่าจองซื้อหุ้นด้วยเช็ค 1 ธ.ค.นี้ และชำระด้วยเงินสด 7 ธ.ค. 48 หากประชัยหาเงินทันจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นทีพีไอไว้ที่ 10-12% ด้านผู้บริหารแบงก์กรุงเทพ คาดรู้ผลการซื้อหุ้นทีพีไอ 5 ธันวาคมนี้ มั่นใจปัญหาทุกอย่างจบภายในไตรมาสแรกปีหน้า หาก ปตท. นำทีมพันธมิตรใส่เงินทุนเข้ามาภายในธ.ค.นี้
แหล่งข่าวจากบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน)(ทีพีไอ) เปิดเผยว่าหลังจากที่ศาลฎีกามีคำสั่งยืนคำพิพากษา ศาลล้มละลายกลาง ในคดีที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ได้ยื่นคำร้องในฐานะผู้บริหารลูกหนี้เพื่อขอสิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอก่อนนักลงทุนรายอื่นนั้น ดังนั้นขณะนี้นายประชัย ได้เร่งหาเงินเพื่อ จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอตามเงื่อนไข การจัดสรรหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งปัจจุบันตระกูลเลี่ยวไพรัตน์และพันธมิตรได้ถือหุ้นทีพีไอรวมประมาณ 730 ล้านหุ้น หากจอง ซื้อหุ้นตามสิทธิที่ควรได้รับ คือ 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 3.30 บาท จะต้องใช้เงินประมาณ 4,800 ล้านบาท
โดยมีเงื่อนเวลากำหนดจองซื้อหุ้น 30 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2548 และ 6-7 ธันวาคม 2548 โดยชำระค่าจองซื้อหุ้นกรณีชำระเป็นเงินสด(เต็มจำนวน) จะสิ้นสุดวันชำระ 7 ธันวาคม 2548 ที่ธนาคาร กรุงไทยทุกสาขา แต่ถ้าชำระเป็นเช็ค แคชเชียร์เช็ค หรือดราฟต์ธนาคารแล้ว จะต้องชำระเต็มจำนวนในวันที่ 30 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคมนี้ ที่ธนาคารกรุงไทย
"ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์และพันธมิตรมีหุ้น ทีพีไออยู่ประมาณ 730 ล้านหุ้น หากจะใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ จะมีสิทธิ์ซื้อหุ้นใหม่ได้ 1,460 ล้านหุ้น ทำให้ต้องหาเงินก้อนใหญ่เกือบ 5 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้นายประชัยได้พยายามหาเงินเพื่อมาจองซื้อหุ้น หวังรักษาสิทธิ์การถือหุ้น ทีพีไอเอาไว้"
ทั้งนี้ ผู้บริหารแผนฯทีพีไอได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 3.9 พันล้านหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อย ส่งผลให้โครงสร้างการถือหุ้นทีพีไอเปลี่ยนเป็น ปตท. 31.5% กบข. ออมสิน และวายุภักษ์ ถือหุ้นฝ่ายละ 10% เจ้าหนี้ทีพีไอเดิม 8.5% และผู้ถือหุ้นรายย่อย 30% โดยตระกูลเลี่ยวไพรัตน์จะถือหุ้นทีพีไออยู่ 10-12%
"บริษัททั่วไปที่เปิดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะให้เวลาในการชำระเงินค่าหุ้นนานกว่านี้ แต่กรณีของทีพีไอค่อนข้างกระชั้นชิดมาก ทำให้มีลูกค้าและโบรกเกอร์บ่นกันมาก แต่แบงก์ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากผู้บริหารแผนฯกำหนดชัดเจนว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยและพันธมิตรจะต้องชำระค่าหุ้นทีพีไอในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ จึงเป็นเงื่อนเวลาที่บีบทุกฝ่าย" แหล่งข่าวจากบริษัทจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นทีพีไอ กล่าว BBL รอลุ้น 5 ธ.ค.นี้ ชี้ขาดซื้อหุ้นทีพีไอ
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวถึง การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ว่า ธนาคารจะพิจารณาอีกครั้ง หากธนาคารได้รับการยืนยันที่จะได้รับสิทธิในการเข้าซื้อหุ้นทีพีไอ เนื่องจากที่ผ่านมาแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอมีการเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา จึงไม่มีประโยชน์ที่จะคิดล่วงหน้า อย่างไรก็ตามคาดว่าจะรู้ผลในวันที่ 5 ธันวาคมนี้
"หากพันธมิตรที่จะมาซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งนำโดยบริษัทปตท. ใส่เงินลงทุนเข้ามาในทีพีไอจริงภายในเดือนธันวาคมนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ธนาคารคาดว่าภายในไตรมาสแรกปี 2549 ปัญหาของทีพีไอน่าจะจบเรียบร้อย ซึ่งธนาคารเองก็ต้องการให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว"
สำหรับปรับฐานะหนี้ของทีพีไอจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เป็นหนี้ปกติ นั้น นายโฆสิต กล่าวว่า ธนาคารจะต้องยื่นขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หากได้รับการอนุมัติจากธปท.แล้ว ส่วนเงินสำรองที่ธนาคารตั้งไว้กว่า 20,000 ล้านบาทนั้น ธนาคารยังไม่ได้พิจารณาว่าจะนำมาเป็นกำไร หรือคงเป็นเงินสำรองเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธนาคาร
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|