|

ภัทรประกันภัยลองตลาดเทเลฯ ดึงจุดแข็งจากฐานลูกค้าพันธมิตร
ผู้จัดการรายสัปดาห์(29 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
เทเลมาร์เก็ตติ้ง ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดในธุรกิจประกันภัย ที่ผ่านมามีผู้เล่นน้อยรายที่จะลงมาเล่นในตลาดนี้ ด้วยเห็นว่าช่องทางดังกล่าวยังสร้างผลตอบแทนได้ไม่โดดเด่นนัก แต่สำหรับการทำธุรกิจการเพิ่มช่องทางใหม่ ๆ คือโอกาสที่ดี แม้ช่องทางดังกล่าวจะไม่ใช่ทางหลักก็ตาม ซึ่งอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ "ภัทรประกันภัย" สนใจอยากทดลองตลาดดังกล่าว
ตามแผนที่วางไว้ช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้ง ภัทรประกันภัยจะเริ่มให้บริการในปีหน้า และการขายผ่านช่องทางดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่บริษัทได้วางไว้เพื่อขยายตลาดและฐานลูกค้าในหลายกลุ่มมากขึ้น ที่เป็นทั้งฐานลูกค้าจากบริษัทและพันธมิตร
กฤตยา ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ ภัทรประกันภัยภัย มองว่า การทำเทเลมาร์เก็ตติ้งนี้เป็นแค่ช่วงเริ่มต้นของการทดลองตลาดเพื่อดูปฏิกิริยาตอบรับจากลูกค้า จึงยังไม่คาดหวังกับรายได้ที่จะเข้ามาจากช่องทางนี้ แต่ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดของบริษัท
"รูปแบบที่ทำก็จะเป็นการจ้างเอาท์ซอทจากบริษัทที่ทำเทเลมาร์เก็ตติ้ง เพราะมีข้อดีตรงที่เราไม่ต้องมาวางระบบเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงการสร้างบุคลากรเพิ่ม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุน แต่ถ้าจ้างเอาท์ซอท ก็จะประหยัดเวลา ต้นทุนทั้งเม็ดเงิน และบุคคลากร"
เชื่อว่าอีกข้อดีที่ภัทรประกันภัยเลือกใช้บริการจากเอาท์ซอท ไม่เฉพาะความสะดวก ความพร้อมของระบบ และบุคลาการเท่านั้น แต่ยังช่วงตัดข้อกังวลใจในเรื่องของรายได้หรือผลตอบแทนจากช่องทางดังกล่าวที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะออกมามากน้อยเพียงใด ซึ่งก็ต้องยอมรับถึงกระแสแท้จริงว่า ที่ผ่านมาช่องทางดังกล่าวยังไม่เป็นที่นิยมมากนักในสังคมไทย และตรงจุดนี้ถ้า ภัทรประกันภัย ต้องทุ่มงบลงทุนเองแล้วอาจไม่คุ้มค่ากับเวลา และเม็ดเงินที่เสียไปก็ได้
กฤตยา บอกว่า ช่องทางดังกล่าวที่ต้องเริ่มให้บริการในปีหน้านั้น เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกบริษัที่เป็นเอาท์ซอทอยู่ และหลักการพิจารณาคัดเลือกจะดูจากผลงานจำนวนรายที่สามารถติดต่อได้ ข้อมูลฐานลูกค้า เป็นต้น
สำหรับ ภัทรประกันภัย การเริ่มต้นของบริการนี้ อาจเป็นกลุ่มลูกค้าในส่วนของบริษัทก่อนที่มีประมาณ120,000 ราย และจะเสนอผลิตภัณฑ์พีเอที่ง่ายไม่สับซ้อนเพื่อให้เหมาะสมกับการขายผ่านช่องทางดังกล่าวที่ไม่สามารถอธิบายลายละเอียดได้มาก และเนื่องจากช่องทางนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับบริษัท ดังนั้นหลังจากให้บริการไปประมาณ 2-3 เดือนก็จะกลับมาประเมินผลกันอีกครั้งว่าการตอบรับเป็นอย่างไร
นอกจาก เทเลมาร์เก็ตติ้ง ที่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายตลาดของบริษัทแล้ว การจัดกิจกรรมหรือทำโครงการต่าง ๆ ก็เป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์เพื่อประชาสัมพันธ์บริษัทให้เป็นที่รับรู้ในสังคมมากขึ้นด้วย ซึ่งแม้รูปแบบของกิจกรรมจะเน้นทำเพื่อตอบแทนสังคม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้กิจกรรมดังกล่าวก็ได้สร้างผลประโยชน์กลับมาสู่บริษัทเช่นกัน ในแง่ของการรับรู้แบรนด์และภาพลักษณ์ของตัวบริษัทด้วย
กฤตยา บอกว่ารูปแบบกิจกรรมที่ภัทรจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 คือ โครงการ "ภัทรประกันภัยห่วงใยน้อง" โดยครั้งแรกของโครงการนี้จัดขึ้นในปีที่แล้ว รูปแบบแนวคิดคือการบริจาคหนังสือ แต่ปีนี้จะเน้นไปที่อุปกรณ์กีฬา ซึ่งนำไปมอบให้เด็กนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
กลยุทธ์การขยายตลาดด้วยเทเลมาร์เก็ตติ้ง หรือการจัดกิจกรรมโครงการต่าง ๆ ของภัทรประกันภัย เป็นอีกภาพหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงกระแสเคลื่อนไหวในธุรกิจประกันภัย ที่กล่าวได้ว่าการแข่งขันในทุกวันนี้ไม่ได้แข่งกันที่กลยุทธ์เท่านั้น แต่ยังแข่งกันที่ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัทด้วย
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|