แบล็คแคนยอนทุ่มกว่า100ล.ผุดสาขา โดดเปิดตัวหนังสือหวังสร้างแบรนด์


ผู้จัดการรายวัน(29 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

แบล็คแคนยอนต่อยอดธุรกิจร้านกาแฟ เตรียมผุดสาขาในสนามบินสุวรรณภูมิ 4 แห่ง ด้วยงบ 80 ล้านบาท หวังเจาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันเร่งสร้างแบรนด์ทางอ้อม หันแตกไลน์เปิดตัวหนังสือใหม่ “กาแฟ..เครื่องดื่มจากแดนสรวง” ตั้งเป้าปีนี้ปิดยอด 900 ล้านบาท ส่วนแผนปี2549 เตรียมทุ่มงบ 60 ล้านบาทขยายสาขาในประเทศ 20 แห่ง ส่วนต่างประเทศเน้นผุดสาขาแถบตะวันออกกลางกว่า 5 แห่ง คาดยอดขายปีหน้าโต 15%

นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนขยายสาขาร้านแบล็คแคนยอนไปยังท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ 4 จุด ภายใต้งบลงทุนกว่า 80ล้านบาท ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับคิง เพาเวอร์ผู้ได้รับสัมปทานในการจัดสรรพื้นที่ให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิอยู่และคาดว่าจะรู้ผลภายในสิ้นปี2548นี้ ซึ่งรูปแบบการเปิดร้านของแบล็กแคนยอนในสุวรรณภูมิจะต้องดูขนาดพื้นที่ก่อนว่าเหมาะสมกับรูปแบบใด โดยรูปแบบของร้านแบล็กแคนยอนมีให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วย 1.ร้านกาแฟที่เป็นคีออส 2.ร้านมินิเรสเตอรองส์ที่จะมีบริการทั้งกาแฟและอาหาร มีพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตรหรือขนาด 20-30 ที่นั่ง และ3. ร้านขนาดใหญ่หรือเป็นฟูลเรสเตอรองส์ มีพื้นที่มากกว่า 120 ตารางเมตรและมี 40 ที่นั่ง

"การเปิดบริการในสนามบินสุวรรณภูมิเป็นการต่อยอดธุรกิจอีกทางหนึ่งในการสร้างแบรนด์แบล็กแคนยอนไปสู่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 25-30% ซึ่งการแข่งขันเพื่อแย่งชิงเปิดร้านกาแฟในสุวรรณภูมิในขณะนี้มีการแข่งขันสูง แต่เรามั่นใจว่าได้เปรียบ เพราะมีประสบการณ์และมีร้านแบล็คแคนยอนในท่าอากาศยานกรุงเทพฯ 1 สาขา ซึ่งการเปิดในท่าอากาศยานไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องเปิด 24 ชั่วโมงและต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพหลายเรื่อง"

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ต่อยอดธุรกิจให้กับแบล็คแคนยอนด้วยการเปิดตัวหนังสือ “กาแฟ..เครื่องดื่มจากแดนสรวง” ซึ่งเป็นการรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟแบ่งเป็น 4 ภาค มี 256 หน้า โดยจะวางขายในร้านแบล็คแคนยอนทั่วประเทศและร้านในเครือซีเอ็ดบุ๊คและร้านหนังสือทั่วไป

ส่วนแผนการตลาดในปี 2549 บริษัทฯจะเน้นขยายสาขาไปยังต่างประเทศกว่า 5 สาขา โดยจะเน้นไปที่ประเทศแถบตะวันออกกลาง ซึ่งรูปแบบการเปิดร้านในต่างประเทศจะเน้นใช้อาหารเป็นตัวนำมากกว่ากาแฟ ซึ่งตรงนี้จะต่างกับในไทยที่เน้นกาแฟเป็นตัวนำ ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาในต่างประเทศ 11 แห่ง ได้แก่ สิงคโปร์และพม่าที่ละ 1 แห่ง,อินโดนีเซีย 2 แห่ง,มาเลเซีย 3 แห่ง,ยูเออีหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4 แห่ง ล่าสุดเตรียมเปิดสาขาใหม่ที่พม่าเมืองมัณฑาเลย์ในวันที่ 25 ธ.ค. 48นี้

ขณะที่แผนการลงทุนในประเทศ บริษัทฯเตรียมใช้งบลงทุนประมาณ 60 ล้านบาทในการขยายสาขารวมทั้งหมด 20 สาขา แบ่งเป็นงบ 40 ล้านบาทในการเปิดร้านแบล็คแคนยอน คิทเช่นในสถานีบริการน้ำมันเจ็ท 10 แห่ง แทนที่ร้านจิฟฟี่ คิทเช่น ซึ่งขณะนี้เริ่มเปิดบริการไปแล้ว 2 แห่ง คือ ที่สาขาปิ่นเกล้า-นครชัยศรี และสาขาเลียบทางด่วน ภายในสิ้นปีนี้จะเปิดให้ได้ 4 สาขาและจะทยอยเปิดให้ครบ 10 สาขาภายในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า นอกจากนี้มีแผนเจรจากับสถานีบริการอื่นๆและเปิดร้านในศูนย์การค้าอื่นอีก โดยปัจจุบันแบล็คแคนยอนมีทั้งหมด 140 สาขาทั้งในและต่างประเทศ

“ปัจจัยลบที่เป็นห่วงในปีหน้า คือ เรื่องราคาน้ำมัน และไข้หวัดนกที่จะส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวไทย รวมถึงการเมืองที่ปัจจุบันมีการเขย่าบัลลังก์ของรัฐบาลหรือกลัวมือที่สามจะเข้ามาทำให้การเมืองวุ่นวาย”

สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมียอดรายได้ที่ 900 ล้านบาทและมีอัตราการโต 10-15% ส่วนปีหน้าคาดการณ์ว่ายอดรายได้จะโตขึ้น 15%

ตลาดรวมกาแฟในไทยปีนี้จากข้อมูลที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้รวบรวมพบว่ามีมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาทและมีอัตราการโต 10% โดยตลาดแบ่งเป็น 1. กาแฟสำเร็จรูป 9.3 พันล้านบาทและโต 9% 2.กาแฟกระป๋องหรือพ้อมดื่ม 7 พันล้านบาทและโต 7% และ3. กาแฟคั่วบดหรือกาแฟพรีเมี่ยม 4.7 พันล้านบาทและโต 15% ซึ่งปัจจุบันแบล็คแคนยอนเป็นผู้นำตลาดนี้ทั้งในแง่ยอดขายและจำนวนสาขา


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.