ตลท.ชี้สัดส่วนคนไทยถือหุ้นยังน้อย เดินหน้าขยายฐานนักลงทุนผ่านสื่อ


ผู้จัดการรายวัน(28 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"โสภาวดี" ยันจำนวนผู้ถือหุ้นใน บจ.เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศแค่เพียง 1.45% ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วสัดส่วนสูงถึง 30-50% ขอเดินหน้าขยายฐานนักลงทุนผ่าน สื่อ ระบุปกติบัญชีแอ็กทีฟอยู่ในระดับ 25-30% ตั้งเป้าเพิ่มบัญชีนักลงทุนใหม่ปีหน้า 7 หมื่นบัญชีจากปัจจุบัน 4.4 แสนบัญชี

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปัจจุบันจำนวนรายชื่อผู้ถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนมีประมาณ 900,000 รายชื่อ และเป็นผู้ถือหน่วย ลงทุนในกองทุนประมาณ 400,000-600,000 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวอาจจะมีรายชื่อซ้ำกัน ขณะที่เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งปีที่มีอยู่ประมาณ 62 ล้านคนจำนวนผู้ถือหุ้นเป็นเพียง 1.45%

ทั้งนี้ จำนวนผู้ถือหุ้นเมื่อเทียบกับสัดส่วนจำนวนประชากรทั้งประเทศในประเทศที่พัฒนาแล้ว สัดส่วนดังกล่าวจะอยู่ในระดับ 30-50% ซึ่งในไทยคงต้องมีการกระตุ้น ให้ประชาชนให้ความสนใจกับการเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ให้มากขึ้น "จำนวนนักลงทุนในประเทศของเรายังน้อยมากเมื่อเทียบกับทั้งประเทศ เราจะเร่งขยาย ฐานนักลงทุนผ่านสื่อและการตลาด ให้มากขึ้น" นางสาวโสภาวดีกล่าว

การเพิ่มจำนวนนักลงทุน ตลท.จะเร่งกระตุ้นผ่านสื่อต่างๆ ให้มากขึ้น เช่น Money Channel รวมถึงการจัดงานวันตลาดนัดผู้ลงทุนซึ่งจะจัดขึ้นในทุกเดือนเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับนักลงทุนที่สนใจจะเข้ามาลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์ โดย ตลท. ตั้งเป้าในปีหน้าจะเพิ่มจำนวนบัญชีนักลงทุนประมาณ 70,000 บัญชี จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 4.4 แสนบัญชี

"เราจะเน้นที่นักลงทุนรายใหม่เป็นหลัก เรื่องบัญชีแอ็กทีฟใน บัญชีเก่าโบรกฯต่างๆ คงต้องเข้าดูแล พร้อมจะรู้ถึงพฤติกรรมและนิสัยในการลงทุนของลูกค้าแต่ละราย" นางสาวโสภาวดีกล่าว

ในส่วนของบัญชีที่มีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง (Active) โดยทั่วไปจะอยู่ในระดับ 25-30% ของจำนวนบัญชีทั้งหมด ซึ่งพฤติกรรม ของนักลงทุนไทยส่วนใหญ่ยังเป็น กลุ่มที่มีพฤติกรรมซื้อขายแบบซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกัน ในวันเดียวกัน (Net Settlement) ซึ่งไม่ใช่เป็นกลุ่มที่ไม่ดีแต่การลงทุน นักลงทุนก็ควรจะถือลงทุนในลักษณะอื่นบ้าง

สำหรับค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้น(ค่าคอมมิชชัน)ของบริษัทหลักทรัพย์ที่เก็บจากลูกค้าที่ส่งคำสั่งซื้อ หรือขายหลักทรัพย์ ปัจจุบันค่าคอมมิชชันของไทยถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ การปรับลดค่าคอมมิชชัน หรือการเปิดเสรีค่าคอมมิชชันคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 ปีนี้

ทั้งนี้ ไม่อยากให้การแข่งเป็นเรื่องค่าคอมมิชชัน แต่ควรจะเป็น การแข่งขันทางด้านบริการที่จะให้ลูกค้ามากกว่า

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวน บัญชีที่ซื้อขายหลักทรัพย์ในปีนี้ให้อยู่ที่ประมาณ 500,000 บัญชี เนื่อง จากหากบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) สามารถเข้าจดทะเบียนใน ตลท.ได้ จะทำให้นักลงทุนที่เป็นผู้ลงทุน หรือ เป็นพนักงานของบริษัทต้องเข้ามาลงทุนใน ตลท.เพิ่มขึ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.