|
"บุญคลี"ชี้ทิศหุ้นสื่อสาร งัดแผนทำกำไรล่อตปท.
ผู้จัดการรายวัน(28 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"บุญคลี-บิ๊กชินคอร์ปฯ" มองแนวโน้มหุ้นสื่อสารโทรคมนาคม ปีหน้า วัดกันที่ยุทธศาสตร์ แผนการลงทุน และอัตราการเติบโต ใครสร้างความเชื่อมั่นดึงดูดใจนักลงทุนแค่ไหน หลังประเมินปีหน้าเป็นปีแห่งการลงทุนของอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม ระบุภาพรวมเศรษฐกิจ-การลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้นหากรัฐบาลสร้างความชัดเจนในโครงการเมกะโปรเจกต์ให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาเชื่อมั่น
นายบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่ม ชินคอร์ปอเรชั่น (ชินฯ) กล่าวว่า จากการที่ปี 2549 ประเมินว่าเป็นปีแห่งการลงทุนของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมมูลค่า 1 แสนล้านบาท โดยจะลงทุนในด้านโครงข่ายก่อนจะไปรุกด้านการตลาดและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในราวปี 2550 ไม่ได้หมายความหุ้นในกลุ่มธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2549 จะหมดความน่าสนใจ แต่ความน่าสนใจจะวัดกันที่ยุทธศาสตร์และการวางแผนการเงิน
"ขึ้นอยู่ที่เราว่าจะบอกนักลงทุนอย่างไร ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมใน ตลาดหลักทรัพย์ฯคงจะต้องดูกันที่ ยุทศาสตร์ เป้าหมายใครเป็นอย่างไร จะสร้างรายได้ได้แค่ไหนจากการลงทุน เพราะทุกคนคาดหวังการเติบโต ซึ่งเรา ต้องให้ความชัดเจนกับนักลงทุนให้ได้" นายบุญคลีกล่าว
นายบุญคลี ปลั่งศิริ กล่าวว่า ต้องตอบโจทย์นักลงทุนให้ได้ เพื่อให้นักลงทุนได้พิจารณาข้อมูลก่อนจะตัดสินใจเข้าลงทุนในหุ้นต่อไปหรือไม่อย่างไร โดยอาจจะต้องระบุให้ชัดเจนถึงโครงการลงทุนและอัตราการ เติบโตของบริษัทในแต่ละปี ทั้งนี้ ตาม ปกติธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ฯต้องพยายามที่จะขยายธุรกิจให้ได้ตัวเลข 2 หลักไว้เป็นเป้าหมาย เพื่อยืนยันกับนักลงทุน
"ผมว่าก็เหมือนกับที่รัฐบาลซึ่งขณะนี้ต้องตอบโจทย์เรื่องโครงการสาธารณูปโภค หรือ เมกะโปรเจกต์ กับนักลงทุนต่างประเทศให้ได้ ดังนั้นถึงแม้ธุรกิจโทรคมนาคมจะต้องมีการลงทุน แต่ถ้านักลงทุนเห็นความชัดเจน เห็นการเติบโต ก็มีโอกาสที่เขาจะเข้าลงทุน"
สำหรับภาวะเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนในปี 2549 นั้นนายบุญคลี กล่าวว่า ปัจจัยราคาน้ำมันจะเป็นระยะสั้น และที่ผ่านมาราคาสินค้าได้ปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว ซึ่งต่อไปราคาน้ำมันนิ่งสถานการณ์โดยรวมเศรษฐกิจก็ไม่น่าห่วง ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมานักลงทุนรายย่อยขายออกมาเป็นส่วนใหญ่ ส่วนนักลงทุนต่างประเทศยังไม่ขาย
ทั้งนี้ หากรัฐบาลสามารถสร้างความชัดเจนเรื่องเมกะโปรเจกต์ได้ นักลงทุนต่างประเทศก็จะกลับเข้ามาลงทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม และหากราคาน้ำมันไม่แกว่งขึ้นไปอีก เมื่อมีเงินไหลเข้ามาเศรษฐกิจการลงทุนโดยรวมจะดีขึ้น มูลค่าหุ้นค่ายชินฯหาย 5 หมื่นล้าน
ด้านหุ้นในกลุ่มชินฯ 6 บริษัท ซึ่งประกอบด้วย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC), บมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN), บมจ.ชินแซทเทลไลท์ (SATTEL), บมจ.ไอทีวี (ITV), บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) และ ธนาคารทหารไทย (TMB) พบว่าช่วงปี 2548 ( 3 ม.ค. - 24 พ.ย.) หุ้น ADVANC ปิดที่ 99.50 บาท ลดลง 7.01% , หุ้น SHIN ปิดที่ 37.00 บาท ลดลง 6.92%, หุ้น SATTEL ปิดที่ 13.70 บาท ลดลง 23.46%, หุ้น ITV ปิดที่ 10.10 บาท ลดลง 26.81%, หุ้น SC ปิดที่ 9.80 บาท ลดลง 33.33% และหุ้น TMB ปิดที่ 3.94 บาท เพิ่มขึ้น 4.79% ส่งผลมูลค่าตลาดรวม(มาร์เกตแคป) ลดลง 50,516.17 ล้านบาทหรือ 9.39% จากต้นปีอยู่ที่ 537,788.46 ล้านบาท มาอยู่ที่ 487,272.29 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/48 ของ 5 บริษัทไม่รวมธนาคารทหารไทยมีรายได้อยู่ที่ 29,437 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,728.29 ล้านบาท ลดลง 1,047 ล้านบาท หรือ 3.43% จากช่วงเดียวกันที่รายได้รวม 30,484 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ บมจ.แอดวานซ์ฯ รายได้ลดลง 1,620 ล้านบาท หรือ 6.79% กำไรสุทธิลดลง 854 ล้านบาท หรือ 16.20% โดยกำไรสุทธิต่อหุ้นไตรมาส 3/48 อยู่ที่ 1.50 บาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|