|
เอเจเอฟบุกกองทุนตราสารหนี้ 2 ปี ชูผลตอบแทนทุกเดือนไม่ต่ำ 4.30%
ผู้จัดการรายวัน(25 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
เอเจเอฟ บุกตลาดกองทุนตราสารหนี้อายุ 2 ปี งัดลูกเล่นจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนทุกเดือนในอัตราไม่น้อยกว่า 4.30% ต่อปี มูลค่าโครงการกว่า 2 พันล้านบาท ขณะที่ บลจ.ธนชาต เดินหน้าบุกตลาดกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นอายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการกว่า 5 พันล้านบาท ชิมลางโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี
นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยาเจเอฟ จำกัด หรือเอเจเอฟ เปิดเผยว่า หลังจากที่เอเจเอฟได้ออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นๆ อายุไม่เกิน 1 ปี มาระยะหนึ่งแล้วนั้นเอเจเอฟยังมองเห็นความต้องการของผู้ลงทุนที่นิยมการลงทุนแบบเงินต้นอยู่ครบ โดยผู้ลงทุนนั้นสามารถลงทุนนานได้ และต้องการผลตอบแทนมาใช้เป็นระยะๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เกษียณอายุ มีเงินเย็นและต้องการได้ดอกผลจากเงินลงทุนมาใช้ประจำทุกเดือน หรือกลุ่มผู้ที่นิยมฝากเงินแบบประจำที่รักความปลอดภัย และอาจกำลังมองหาช่องทางที่จะได้รับผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ย เอเจเอฟจึงได้ออกกองทุนเปิดอยุธยาพันธบัตรรัฐบาลรับรายเดือนขึ้นมา โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ภาค รัฐและมีลักษณะจ่ายคืนเงินโดยอัตโนมัติให้กับผู้ลงทุนทุกเดือน
กองทุนเปิดอยุธยาพันธบัตรรัฐบาลรับรายเดือนเป็นกองทุนตราสาร หนี้อายุ 2 ปี จะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง และตราสารหนี้ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกหรือค้ำประกัน โดยจะเลือกลงทุนในตราสารที่มีอายุใกล้เคียงหรือเท่ากับกองทุน ซึ่งเท่ากับเป็น การคุ้มครองเงินต้นให้กับผู้ลงทุนด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงเวลานี้ผู้ลงทุนอาจมองว่าอัตราดอกเบี้ยกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และยังอาจจะชะลอการตัดสินใจลงทุน แต่เอเจเอฟกลับมองว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลน่าจะปรับตัวขึ้นไปอีกไม่มากแล้ว
นายเรืองวิทย์กล่าวว่า เมื่อพูดถึงอัตราดอกเบี้ยที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นนั้น หมายความถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ และอัตราดอกเบี้ยทางการที่ประกาศโดยธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลได้ปรับตัวสูงขึ้นมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเอเจเอฟมองว่าอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลจวนถึงจุดสูงสุดแล้วและมีช่วง spread สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารอยู่พอสมควร ดังนั้นผู้ที่คิดจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะกังวลว่าดอกเบี้ยเงินฝากที่หากทยอยปรับขึ้นนั้นจะสูงกว่าดอกเบี้ยจากพันธบัตรรัฐบาล
"หากจะเปรียบเทียบกับการฝากเงินแบบประจำ การลงทุนในกองทุนนี้นับว่ามีข้อดีหลายประการ เพราะนอกจากผู้ลงทุนจะได้รับเงินคืนมาใช้ในทุกๆ เดือนแล้ว เงินที่จ่ายคืนออกมานั้นก็ยังไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย" นายเรืองวิทย์กล่าวเสริม
กองทุนเปิดอยุธยาพันธบัตรรัฐบาลรับรายเดือนจะเปิดขายระหว่าง วันที่ 24 พ.ย.-1 ธ.ค. ลงทุนขั้นต่ำ 50,000 บาท
ขณะที่นายกำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 2 ซึ่งเป็นกองทุนรวมคุ้มครองเงินต้นที่มีการคุ้มครองเงินลงทุน และผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในทุกรอบระยะเวลาการลงทุนประมาณ 6 เดือน
สำหรับนโยบายการลงทุนเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน โดยจะลงทุนในตราสารที่มีอายุใกล้เคียงหรือเท่ากับรอบระยะเวลาที่เปิดขายหน่วยลงทุน (ประมาณ 6 เดือน) มีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท และไม่กำหนดอายุโครงการ แต่จะเปิดขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกรอบระยะเวลาประมาณ 6 เดือน และจะเปิดขายครั้งแรกให้กับนักลงทุนระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคมนี้ มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท
"กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 2 เป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง และคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคาร และต้องการลงทุนในตราสารที่ออกโดยภาครัฐ ซึ่งมีความมั่นคงสูง จึงได้รับคืนทั้งเงินต้นและผลตอบแทนจากการลงทุน และผู้ลงทุนไม่ต้องเสี่ยงกับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเปลี่ยน เนื่องจากกองทุนจะถือครองตราสารนั้นจนครบกำหนดอายุไถ่ถอน ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนได้ลงทุนสอดรับกับภาวะดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกันการรับผลตอบแทนในรูปของการขายคืนหน่วยลงทุนสำหรับบุคคลธรรมดายังไม่ต้องเสียภาษีจากกำไรส่วนเกินทุนอีกด้วย" นายกำพลกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|