|
TPACเตรียมเทรดในmai7ธันวาคมนี้ หลังเคาะราคาไอพีโอที่หุ้นละ2.80บาท
ผู้จัดการรายวัน(24 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
TPAC เคาะราคา IPO ที่หุ้นละ 2.80 บาท ซึ่งเป็นราคา ที่ให้ส่วนลดถึง 20% พร้อมนำ 20 ล้านหุ้นเปิดจองซื้อ 28-29 พฤศจิกายนนี้ ก่อนเข้าซื้อขายในตลาด mai 7 ธันวาคมนี้ ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่แจงผู้จองซื้อไม่ผิดหวังเพราะบริษัทให้ผลตอบแทนที่ดี ยันไม่ขายหุ้นทิ้ง
นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MODERN) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท พลาสติก และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) (TPAC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจใน TPAC ว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีแกนักลงทุนซึ่งบริษัทก็ถือหุ้นมาเป็นเวลา 10 ปี และมีการจ่ายเงินปันผลมาทุกปีในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งบริษัทยืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้นออกมา โดยภายหลังการขายหุ้นบริษัทจะถือหุ้น 48%
นางสาวสุนันท์ เลิศสีทอง ผู้อำนวยการฝ่ายสายธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาการเงินกล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนให้ความ สนใจจองซื้อหุ้นของ TPAC จำนวน มาก โดยการตั้งราคาหุ้นที่ 2.80 บาท นั้นคิดจากค่า P/E 5.5 เท่า มี ส่วนลดให้แก่นักลงทุน 20% จาก P/E กลุ่มที่ 7 เท่า และสินค้าของบริษัทก็เป็นที่รู้จักของนักลงทุนแต่การที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ราคาหุ้นก็คงจะไม่หวือหวา แต่มั่นใจว่าหุ้น TPAC จะเป็นหุ้นที่ดีที่สุดอีกบริษัทหนึ่ง
ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นครั้งนี้จำนวน 20 ล้านหุ้นแบ่งเป็น เสนอขายนักลงทุนสถาบันจำนวน 2 ล้าน หุ้น และอีก 18 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนทั่วไปโดยจะมีการเปิดให้มีการจองซื้อหุ้นในวันที่ 28-29 พ.ย. และเข้าซื้อขายในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ นาย ปรีชา ศรีอัศวกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท.พลาสติกและ หีบห่อ ไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TPAC กล่าวว่า
บริษัทคาดว่าหุ้นของบริษัทจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ก็มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อจำนวนมาก เนื่องจาก ราคาหุ้นของบริษัทนั้นถือ ว่าไม่สูงและให้ผลตอบแทนจากการ ลงทุนประมาณ 7% จึงเป็นหุ้นที่เหมาะกับการถือระยะยาวและคงไม่มีความกังวลกับภาวะตลาด หลักทรัพย์
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนประมาณ 56 ล้านบาทไปลงทุนในเครื่องจักรและแม่พิมพ์เพื่อขยายกำลังการผลิตปรับปรุงอาคารโรงงานและเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทต่อไป โดย ปัจจุบัน บริษัทที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 1.3 เท่าหลังจากขายไอพีโอแล้วชะลดลงเหลือประมาณ 1 เท่า
สำหรับผลประกอบการปีนี้คาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นจากปี 10-15% จากปี 47 ที่มีรายได้ 585 ล้าน บาท โดย 9 เดือนบริษัทมีรายได้ 459 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 28 ล้านบาทและคาดปี 49 จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 48 จากการที่บริษัท จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตและบริษัทมีโครงการที่จะขายสินค้าส่งออกโดยตรงและโครงการ PET
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|