กบข.ซื้อหุ้นรอกฟผ.


ผู้จัดการรายวัน(24 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"วิสิฐ" เผยกบข.กลับมาเก็บหุ้นเพิ่ม โยกเงินซื้อหุ้น กฟผ.ไปลงทุน หาผลตอบแทนรอศาลฯชี้ขาด ยันพร้อมเสมอลงทุน "ทีพีไอ" เน้นถือยาว 2 ปีค่อยประเมิน ส่งตัวแทนฟังคำสั่งศาลฯกรณี "ประชัย"ยื่นให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมซื้อหุ้นก่อน เตรียมขอเพิ่มสัดส่วนลงทุนในหุ้นจาก 20% เป็น 25% ส่วนลงทุนต่างประเทศจาก 10% เป็น 20% อีกทั้งหาช่องลงทุนอื่นเพิ่ม คาดตั้ง บลจ.ได้ มี.ค. ปีหน้า เชื่อเศรษฐกิจไทยปี 2549 ยังดี

นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา กบข.ได้ทยอยเข้าซื้อหุ้นเพิ่ม หลังจากได้ทยอยขายหุ้นที่ถือครอง ออกไปในช่วงต้นปี ซึ่งราคาหุ้นในปัจจุบันถือว่าไม่สูงมาก สำหรับเม็ดเงินที่จะเข้าไปลงทุนใน บมจ. กฟผ. ซึ่งหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีการระงับการขายหุ้น เงินใน ส่วนดังกล่าวก็ได้มีการจัดสรรเพื่อลงทุน ในประเภทอื่นก่อน เพื่อสร้างผลตอบแทน โดยสัดส่วนที่ได้รับการจัดสรรยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะได้เท่าไหร่ แต่หากสามารถจองซื้อได้ก็พร้อมจะลงทุนทันทีเพราะเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี

ส่วนเม็ดเงินที่เตรียมไว้เข้าลงทุนใน บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) ซึ่งจะเข้าลงทุนระยะยาว และเมื่อถึงเวลาที่ครบกำหนดที่พันธมิตรได้ตกลง กันว่าจะต้องถือลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 ปี กบข.จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งโดยอาจจะถือลงทุนต่อ

ทั้งนี้ ในวันที่ 29 พ.ย. กบข.จะส่งตัวแทนเพื่อรับฟังคำสั่งของศาลฎีกา กรณีที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ยื่นเรื่องเพื่อให้ผู้ถือหุ้นเดิมมีสิทธิในการซื้อหุ้นก่อนการเข้าลงทุนของ กบข. จะทำให้สัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 13.5% อีกประมาณ 3-4% เป็นประมาณ 17%

โดยขณะนี้ กบข. อยู่ระหว่างการเสนอขอเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนเพิ่มจาก 20% เป็น 25% ในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศปัจจุบัน กบข. ลงทุนในสัดส่วน 10% ซึ่งเต็มเพดานการลงทุน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการขอเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเช่นกัน โดยจะขอเพิ่มจาก 10% เป็น 20% เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงจากการลงทุน

โดยที่ผ่านมาการลงทุนในต่างประเทศด้านตราสารหนี้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4-5% ขณะที่ ตรสารทุนได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ปัจจุบัน กบข. มีสินทรัพย์สุทธิรวม 280,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อผลตอบแทนจากการลงทุน เนื่องจากไม่สามารถโยกย้ายเงินเพื่อไปลงทุนในตราสารอื่นๆที่ให้ผลตอบแทนที่ดีได้ทัน

นายวิสิฐ กล่าวอีกว่า กบข.ยังมีความสนใจที่จะลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ในลักษณะร่วมทุน โดยในเบื้องต้นได้มีการหารือกับกองทุนเทมาเซค เพื่อตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาการลงทุนในโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ ระบบขนส่ง ไฟฟ้า เป็นต้น

เนื่องจากในอนาคตประเทศไทยต้องการเงินเพื่อนำมาลงทุนในโครงการต่างๆจำนวนมาก กบข.จะเข้ามาลงทุนในในรูปแบบการซื้อพันธบัตร หรือรูปแบบอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นการจัดตั้งกองทุนหรือการทำซีเคียวริไทรเซชัน ซึ่งต้องรอสรุปแผนอีกครั้งหนึ่งโดยที่ผ่านมาการร่วมงานกับต่างประเทศทำให้ประสิทธิภาพในการบริหารงานของกบข.มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับวานนี้การลงนามเพื่อบันทึกความเข้าใจกับบริษัทเอกชนในประเทศสิงคโปร์ ในการ ร่วมทุนในโรงแรมฮอลิเดย์อินที่ภูเก็ต โดย กบข. จะถือหุ้นในสัดส่วน 25% ใช้เงินลง 350 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการลงทุนในโรงแรมอื่นๆ อีก

นายวิสิฐ กล่าวอีกว่า ในปีหน้าเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่อเนื่อง โดยระดับเงินเฟ้อ จะปรับตัวลดลงจากปีนี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็จะปรับขึ้นไม่มาก หลังจากที่ปรับขึ้นถึง 2.75% ในช่วง 1 ปีซึ่งในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์ ในลักษณะนี้ ในส่วนเรื่องของความขัดแย้งของคนบางกลุ่มก็น่าจะคลี่คลายได้ ซึ่งน่าจะทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนดีกว่าปีนี้

สำหรับความคืบหน้า เรื่องการขอจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ขณะที่อยู่ระหว่างการการยื่นเรื่องเพื่อแก้พระราชบัญญัติให้สามารถจัดตั้งกองทุน ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในช่วงเดือน ม.ค.49 และจะสามารถจัดตั้งได้ในเดือน มี.ค.49 ทั้งนี้ จะมีการหาพันธมิตรในประเทศร่วมดำเนินการ โดยผลิตภัณฑ์ที่จะเสนอ ขายจะเป็นในรูปของการออมเพื่อเกษียณอายุ โดยจะไม่เน้นธุรกิจกองทุนรวม


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.